ข้อคิด เปลี่ยน Mindset ให้เรามีนิสัย ของคนที่ประสบความสำเร็จ

เรื่องPatihanUhas

เปลี่ยน Mindset

ข้อคิด เปลี่ยน Mindset ให้เรามีนิสัย ของคนที่ประสบความสำเร็จ 10 ข้อคิดดีๆ ที่เลือกคัดสรรมาจากหนังสือ “Think And Grow Rich”

 

ข้อคิด เปลี่ยน Mindset ให้มีนิสัยประสบความสำเร็จ

 

1. ความคิด(ความเชื่อ) เป็นสิ่งที่ทรงพลัง

 

บุคคลที่มีความคิดที่ว่า ตัวเขานั้น “สามารถประสบความสำเร็จได้” เปรียบเสมือนได้ว่าขาข้างหนึ่งได้ก้าวข้ามผ่านเส้นชัยไปแล้ว

 

ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จในชีวิต สิ่งแรกที่ควรทำคือการปรับปรุงความคิด

 

ถ้าควบคุมความคิดได้ก็เท่ากับว่า คุณสามารถควบคุมโชคชะตาให้อยู่ในกำมือได้

 

ความเชื่อของคุณคืออะไร ?

คำถามนี้สำคัญมากๆ เพราความเชื่อเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความจริง มนุษย์สร้างโลกจากความเชื่อของตัวเอง ถ้าจะให้พูดอีกแง่ก็คือ คุณไม่ได้มองโลกจากสิ่งที่มันเป็น แต่คุณมองผ่านเงื่อนไขที่คุณสร้างขึ้น

 

Robert Dilts นักเขียนชื่อดัง ได้ให้จำกัดความของความเชื่อว่า เป็นการตัดสินและการประเมินเกี่ยวกับตัวเรา คนอื่นและสิ่งรอบตัว ความเชื่อเป็นความคิดที่มีแบบแผนเปลี่ยนแปลงได้ยาก เมื่อคนเราเชื่อในบางสิ่งบางอย่างว่าเป็นความจริง(ซึ่งอาจจะไม่จริงก็ได้)เขาจึงทำตามในสิ่งที่เขาเชื่อ แถมคอยเก็บข้อมูลมาพิสูจน์ว่า สิ่งที่เขาเชื่อเป็นความจริง ทั้งที่อาจไม่เป็นความจริงก็ได้

 

“Whether you think you can, or you think you can’t – you’re right,”…. Henry Ford

 

จำไว้เสมอ: จงชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายของคุณ และคิดว่าคุณสามารถทำได้

 

2. มีความปรารถนาอย่างแรงกล้า

ความคิด → ความมุ่งมั่น (หรือความปรารถนา) → การกระทำ

 

ตัดความคิดที่เป็นตัวฉุดรั้งออกให้หมด  มีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ

 

ความมุ่งมั่นเป็นเหมือนเชื้อเพลิงสุมใจ ให้เกิดพลังในการที่จะเพิ่มประสทธิภาพ ในด้านต่างๆ

 

และก็ลงมือทำ พัฒนาอยู่ตลอด ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ

 

ถ้าคุณทำแบบนี้ได้ รับรองว่าต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

 

3. ศรัทธาในตัวเอง

หมายถึงการโน้มน้าวใจตัวเองว่าคุณเป็นทุกอย่างที่คุณอยากเป็นได้ คุณสามารถได้ทุกอย่างที่คุณวาดฝันเอาไว้

 

ขอเพียงแค่มีความศรัทธาในตัวเอง และพร้อมที่จะฝึกฝน พัฒนา ปรับปรุงความสามารถให้เหนือขึ้นไปอีก

 

สรุป คุณกลายเป็นในสิ่งที่คุณคิด

 

4. เป็นผู้เชี่ยวชาญ

หากคุณไม่ได้เชี่ยวชาญในงานที่คุณทำอยู่ เป็นไปได้ยากที่คุณจะประสบความสำเร็จในงานนั้นๆ ตัวอย่างเช่นคุณเป็นเซลล์ขายสินค้าแต่คุณไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสินค้าที่คุณกำลังขายอยู่ โอกาสที่คุณจะขายของได้ มีน้อยน้อยมาก

 

อีกตัวอย่าง

  • ถ้าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านต้นไม้ มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่ผู้คนจะหลั่งไหลเข้ามาซื้อต้นไม้กับคุณ
  • ถ้าคุณเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คนไข้ก็จะหลั่งไหลมาหาคุณ
  • ถ้าคุณเป็นผู้เชียวชาญด้านวัตถุโบราญ คนก็จะเชื่อถือในตัวคุณ ไม่ว่าสินค้าหรือวัตถุตัวไหนที่คุณขาย คนจะแห่กันมาซื้อกับคุณ

 

จงพัฒนาทักษะของตัวเองให้กลายเป็นผู้เชียวชาญ ถ้าคุณเป็นนักวาดรูปก็ฝึกให้ตัวเองเป็นตัว Top 10 เช่น อาจารณ์เฉลิมชัย

 

ความรู้เฉพาะทางจำเป็นต่อความสำเร็จ

 

5. จินตนาการ

ครั้งหนึ่ง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกล่าวไว้ว่า

 

“จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” … เพราะความรู้นั้นมีขอบเขตจำกัด แต่จินตนาการนั้นพาคุณไปรอบโลกได้”

 

เราสามารถสร้างอะไรก็ได้จากจินตนาการ และมีความเชื่อว่ามันสามารถเป็นไปได้

 

ยกตัวอย่าง สองพี่น้องตระกูลไรท์ ที่ประดิษฐ์เครื่องบินลำแรกได้สำเร็จ ก็มาจากจินตนการ

 

สตีฟ จ็อบส์ สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ คอมพิวเตอร์ Mac iPhone, iPad, iPod ทุกอย่างล้วนมาจากจินตการทั้งสิ้น

 

6. ความล้มเหลวไม่ได้หมายความว่า คุณเป็นคนล้มเหลว!

ความล้มเหลวเป็นการเรียนรู้ที่ทำให้เราเติบโตขึ้น เป็นทั้งข้อมูลและแรงจูงใจบางอย่างแก่เรา

 

ความล้มเหลวหมายความว่าคุณเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น ส่วนหนึ่งของความสำเร็จคือการอุทิศตนและความพากเพียร

 

Winston churchill วินสตัน เชอร์ชิล เป็นนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์มหาสงคราม ในช่วงจังหวะที่กองทัพนาซี นักการเมือง นายทหารบก นักเขียนชาวอังกฤษ กล่าวไว้ว่า

 

“ความสำเร็จไม่ใช่จุดสิ้นสุด ความล้มเหลวก็ไม่ใช่โชคชะตา สิ่งสำคัญคือความกล้าที่จะไปต่อ”

 

นโปเลียน ฮิลล์ กล่าวไว้ว่า

“ ทุกความยากลำบาก ทุกความล้มเหลว และทุกความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น จะบ่มเพาะเมล็ดพันธ์แห่งความสำเร็จที่มีคุณค่าเท่าเทียมหรือมากกว่าติดมาด้วยเสมอ”

 

ปัจจุบันหลายองค์กรเริ่มเปลี่ยนแนวคิดและยอมรับความผิดพลาดของพนักงานมากขึ้น เพราะถ้าพนักงานในองค์กรมีค่านิยมกลัวความล้มเหลว กลัวทำผิดพลาด จะทำให้ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมต่างๆ ค่อยๆสูญหายไปจากองค์กร สุดท้ายองค์กรจะพัฒนาได้ช้ามาก จนถึงคราวตกต่ำในที่สุด

 

ความสำเร็จเป็นผลมาจากการตัดสินใจที่ถูกต้อง การตัดสินใจที่ถูกต้องนั้นมาจากประสบการณ์ และประสบการณ์จะเกิดขึ้นเมื่อเราได้ตัดสินใจบางอย่างผิดพลาดไป

 

7. เลือกคบคน

จงล้อมรอบตัวคุณด้วยคนที่มีความคิดไปในแนวทางเดียวกับคุณ

 

จงไตร่ตรองให้ดีว่า คุณควรใช้เวลากับใคร จิม โรห์น นักธุกกิจและผู้เชียวชาญด้านการพัฒนาตัวเอง กล่าวไว้ว่า

 

“คุณจะกลายเป็นคนที่มีคุณลักษณะมาจากค่าเฉลี่ยของคน 5คนที่คุณใช้เวลาส่วนใหญ่ร่วมกับพวกเขา”

 

ดังนั้นคุณควรเลือกคบคน จัดสรรเวลาส่วนใหญ่ให้ได้อยู่ร่วมกับคนที่ดึงเอาคุณค่าของตัวคุณออกมาได้ คนเหล่านั้นจะกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ ในทางกลับกันบางคนก็เป็นลูกตุ้มที่คอยถ่วงให้คุณตกต่ำไปเรื่อย ๆ คอยกีดขวางให้คุณหยุดมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย

 

ถ้าหากรอบตัวคุณมีแต่คนฉุดรั้ง ก็ให้คุณอยู่กับตัวเอง แล้วเลือกเสพสื่อดีๆเพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเอง

 

8. จิตใต้สำนึก

จิตใต้สำนึกกับการสร้าภาพในความคิด (Visuazation) นั้นเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุดในการสร้างประสบการณ์ โดยปกติจิตใต้สำนึกจะแยกไม่ออก ว่าสิ่งใดเป็นจินตนาการและสิ่งใดเป็นความจริง

 

ถ้าคุณจินตนาการเป้าหมายของคุณจนเห็นภาพชัดเจน มีรายละเอียดครบถ้วน พร้อมกับมีอารมณ์ร่วม จิตใต้สำนึกจะถูกโน้มน้าวให้เชื่อว่า สิ่งเหล่านั้นกำลังจะเกิดขึ้นจริง

 

เชื่อไหมว่า คุณใช้การสร้างภาพในความคิดฝึกฝนทักษะทางด้านกีฬาได้ด้วย?

 

มีงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันถึงการสร้างภาพในความคิด อย่างเช่นกรณี โทนี่ ร็อบบินส์ ผู้ทำงานกับกองทัพสหรัฐอเมริกา ในช่วงปี 1980-1989 เขาใช้เทคนิคการสร้างภาพในความคิดฝึกยิงปืน ทำให้ความแม่นยำในการยิงปืนเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ

 

ดังนั้นหากคุณสร้างภาพกล่อมสมองด้วยวิสัยทัศน์แห่งความมั่งคั่งและความสำเร็จ จากภาพในจิตนาการสามารถกลายมาเป็นความจริงที่จับต้องได้

 

ถ้าจะให้จินตนาการง่ายมากขึ้นก็ต้องสร้าง “Visual board” ควบคู่ไปด้วย

 

9. ความกลัว

ความกลัวสามารถหยุดคนจำนวนมากไม่ให้ประสบความสำเร็จได้ มันจะขังเราไว้ในเชฟโซน

 

ความกลัวมีหลายประเภท อย่างเช่น

  • กลัวความยากจน
  • กลัวคำวิจารณ์
  • กลัวสุขภาพไม่ดี
  • กลัวไม่เป็นที่รัก
  • กลัวความแก่
  • กลัวความตาย

 

จริงๆแล้วความกลัวเป็นกลไกเอาตัวรอดที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ทุกคน สมองต้องการปกป้องคุณให้รู้สึกปลอดภัยจากสิ่งที่ไม่รู้ จึงสร้างความกลัวให้กับคุณ

 

ทุกครั้งที่มีความหวดกลัวเกิดขึ้น จงตั้งคำถามกับตัวเองว่า

 

“จะเกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้น ถ้าเราเผชิญหน้ากับมัน” ลองชั่งใจดูว่า อะไรแย่กว่ากัน ระหว่างการล่องเสี่ยงกับการนิ่งเฉย

 

10. ระหว่าง “จำใจต้องทำ” กับ “ตัดสินใจว่าจะทำ”

“สิ่งที่กำหนดชะตาชีวิตของคุณ ไม่ใช่โอกาสหรอกนะ แต่เป็นทางเลือกมากกว่า” Jean Nidetch

 

เคยมีหลายสิ่งในชีวิตคุณที่ “ควรทำ” แต่ไม่ได้ทำหรือเปล่า ?

 

จริงๆ แล้วคำว่า” “ควร” ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย เป็นแค่การสื่อให้รู้สึกว่าคุณยังไม่ดีพอ เพราะว่าว่า ควร….มักมาพร้อมกับการรู้สึกผิดต่อตนเอง  และเหมือยกับว่าคุณกำลังโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลา “ทำไมเราถึงไม่ไปออกกำลังกายน่ะ เรานี่แย่จริงๆ อ้วนอย่างไรก็อ้วนอยู่อย่างนั้น”

 

แทนที่คุณจะพูดว่า “ฉันควรทำ” หรือ “ฉันจำเป็นต้องทำ”  ให้เปลี่ยนเป็น

  • ฉันเลือกที่จะทำ
  • ฉันตัดสินใจว่าจะทำ
  • ฉันตั้งใจที่จะทำ
  • ฉันอยากทำ

 

เห็นพลังของคำพูดไหมคะ “Go it for Now …Cr. wayne dyer” จงทำเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าคุณคิดหรือวางแผนอะไรไว้ ให้เริ่มลงมือเลย อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เริ่มจากก้าวแรก ทำสักนิดหนึ่งก็ยังดี ขอแค่ตัดสินใจที่จะลงมือทำ ความฝันของคุณจะไม่มีทางสำเร็จเลยถ้าคุณไม่ลงมือทำ

 

Source

30 DAYS: Change your habits, Change your life

Think And Grow Rich