Bill Hwang เทรดขาดทุน 20,000 ล้านดอลลาร์ ใน 2 วัน

เรื่องPatihanUhas

เทรดขาดทุน

Bill Hwang ชายผู้ที่ เทรดขาดทุน กว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ใน 2 วัน ตามข้อมูลจากสำนักข่าว Bloomberg วันที่ 8 เมษายน 2021, ได้อัปเดตว่า Bill Hwang Had $20 Billion, Then Lost It All in Two Days

 

Bill Hwang เทรดขาดทุน 20,000 ล้านดอลลาร์ ใน 2 วัน

 

 

บิล ฮวัง นักลงทุนผู้เคร่งศาสนากำลังทำตลาดการเงินทั่วโลกปั่นป่วนเพราะเฮดจ์ฟันด์ของเขา จากเหตุการณ์ที่เขาปฎิเสธไม่จ่าย margin call

  • บิล ฮวัง เทรดขาดทุน ไป 20,000 ล้านดอลลาร์ภายใน 2 วันอย่างรวดเร็ว โดยเป็นเงินที่ระดมทุนจากเหล่าบรรดาเศรษฐี ข่าวนี้ถือว่าเป็นความล้มเหลวของประวัติศาสตร์ในตลาดการเงินยุคใหม่
  • บิล ฮวัง คือผู้มีอธิพลที่อยู่เบื้องหลังตลาดการเงิน (มีอธิพลเหนือตลาดการเงิน)
  • เขามีอธิพลแต่แปลกที่แทบไม่มีใครรู้จักชื่อของเขาหรือบริษัทของเขาเลย
  • บิล ฮวัง เคยถูกทางการสหรัฐฯ ลงโทษมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2012 ในข้อหาใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น (Insider Trading) ทำให้เขาต้องปิดบริษัทเฮดจ์ฟันด์ที่เคยบริหารอยู่ในขณะนั้น และต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงินมากกว่า 60 ล้านดอลลาร์
  • บิล ฮวัง ได้นำเงินส่วนตัวที่ยังเหลืออยู่จัดตั้งเฮดจ์ฟันด์ขึ้นมาใหม่ ชื่อ Archegos Capital Management ซึ่งเขาใช้เวลาไม่กี่ปีก็ทำให้ Archegos ขึ้นมาเป็นหนึ่งในเฮดจ์ฟันด์ขนาดใหญ่ของโลก ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการระดมเงินจากบรรดาเศรษฐี กองทุนนี้จึงไม่มีประชาชนทั่วไปเข้ามาเกี่ยวข้อง

 

Bill Hwang คือใคร

 

เทรดขาดทุน

ภาพจาก www.bloomberg.com

 

บิล ฮวัง เกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจน ในประเทศเกาหลีใต้ พ่อของเขามีอาชีพเป็นศิษยาภิบาล

ศิษยาภิบาล คืออะไร

 

ส่วนแม่ของเขาเป็นมิชชันนารีในเม็กซิโก บิล ฮวัง เกิดในช่วงกลางทศวรรษที่ 1960 และเติบโตมาในฐานะคริสเตียนที่เคร่งศาสนา

 

ในปี 1982 พ่อของเขาได้ได้รับมอบหมายให้ไปเป็นศิษยาภิบาลประจำโบสถ์แห่งหนึ่งใน ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐฯ พวกเขาจึงได้อพยพจากเกาหลีใต้มาอยู่ที่สหรัฐฯ  ในขณะนั้น บิล ฮวังมีอายุ 18 ปี แต่หลังจากที่ย้ายมาอยู่ได้ไม่กี่เดือน พ่อของเขาก็ได้เสียชีวิตลงไป

 

บิล ฮวัง ต้องทำงานเรียนไปด้วย (ทำงานกะกลางคืนในร้าน McDonalds)

 

หลังจากเรียนจบมัธยม เขาได้เข้าเรียนต่อใน UCLA ก่อนจะจบปริญญาโทด้าน MBA จากมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน

 

จุดเริ่มต้นของบิล ฮวัง ที่เข้ามาใน Wall Street

ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะเข้ามาอยู่ในวงการแห่ง Wall Street ได้ ยิ่งบิล ฮวังเป็นผู้อพยพที่มาจากเกาหลี ยิ่งมีความเป็นไปได้ยากมากๆ เขาจึงไม่ได้มีทางเลือกมากนัก

 

ย้อนกลับไปในช่วงปลายยุค 80 ต้นยุค 90 งานแรกของ บิล ฮวัง คือ เป็นเซลล์ขายหุ้นให้กับบริษัท Hyundai Securities

 

ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์  Hyundai Securities มีส่วนร่วมในการให้บริการทางการเงินรวมถึงการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์การซื้อขายหลักทรัพย์การรับประกันภัยการเงินองค์กรกองทุนรวมการซื้อขายออนไลน์และอนุพันธ์

 

หลังจากนั้นเขาก็ได้พบกับ Julian Robertson ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกค้าของบิล ฮวัง  โดย จูเลียน ได้นำพาเขาเข้าสู่โลกของนักลงทุน

 

จูเลียน โรเบิร์ตสัน เป็นผู้ก่อตั้ง Tiger Management ซึ่งถือเป็นเฮดจ์ฟันด์รุ่นบุกเบิกในสหรัฐอเมริกา ที่ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1980 การพบปะของทั้งสองทำให้ บิล ฮวัง เป็นหนังใน Tiger cub

 

Tiger cub ในที่นี่หมายถึง ลูกศิษย์ลูกหาของจูเลียน โรเบิร์ตสัน ที่แยกตัวออกมาสร้างเฮดจ์ฟันด์ของตัวเองจนประสบความสำเร็จ

 

ยุคเข้าสู่ Wall Street อย่างเต็มตัว

ในปี 2001 บิล ฮวัง ได้ก่อตั้งกองทุน Tiger Asia Management  เป็นกองทุนป้องกันความเสี่ยงในนิวยอร์กซึ่งเน้นการลงทุนในเอเชีย และถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งเขาสามารถสร้างรายได้จากจุดเล็กๆ จนถึง 10 พันล้านดอลลาร์

 

ในปี 2012 Tiger Asia Management ต้องปิดตัวลงไปหลังจากที่บิล ฮวัง รับสารภาพว่ามีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลวงในเพื่อหากำไรจากตลาดหุ้น

 

บิล ฮวัง สารภาพว่ามียักยอกในหุ้นธนาคารจีน 2 แห่ง โดยใช้ข้อมูลวงในและตกลงที่จะจ่ายเงิน 44 ล้านดอลลาร์เพื่อชำระค่าใช้จ่ายจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

 

หน่วยงานดังกล่าวกล่าวหาว่าเขาใช้ข้อมูลที่เป็นความลับที่ได้รับในการเสนอขายหุ้นแบบส่วนตัวเพื่อขาย Short หุ้นของธนาคารจีนสามตัว การขายชอร์ตเป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนขายหุ้นที่ยืมมาโดยมีเจตนาที่จะซื้อคืนในอนาคตในราคาที่ถูกลง

 

ภายหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น บิล ฮวัง ได้นำเงินส่วนตัวที่ยังเหลืออยู่จัดตั้งเฮดจ์ฟันด์ขึ้นมาใหม่ ชื่อ Archegos Capital Management

 

ซึ่งเขาใช้เวลาไม่กี่ปีก็ทำให้ Archegos ขึ้นมาเป็นหนึ่งในเฮดจ์ฟันด์ขนาดใหญ่ของโลก (Private Investment Fund) ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการระดมเงินจากบรรดาเศรษฐี กองทุนนี้จึงไม่มีประชาชนทั่วไปเข้ามาเกี่ยวข้อง

 

Archegos เป็นคำภาษากรีกในพระคัมภีร์ไบเบิลที่มความหมายว่า ผู้นำหรือเจ้าชาย บิว ฮวังได้เรียก Archegos ว่าเป็นสำนักงานของครอบครัว

 

ในช่วงแรกที่ บิล ฮวัง เริ่มก่อตั้ง Archegos และกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง โบรกเกอร์อย่าง Goldman Sachs​ ยังไม่ได้เข้าไปดีลกับ บิล ฮวัง แต่อย่างใด เนื่องจากประวัติการใช้ Insider Trading ในช่วงก่อนหน้านี้

 

จนกระทั่งปี 2018 ที่ผ่านมา ซึ่งกองทุน Archegos ได้ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนมีขนาดใหญ่กว่าเฮดจ์ฟันด์อื่นๆ อีกหลายแห่ง ขณะเดียวกันคู่แข่งของ Goldman Sachs ที่ยังคงทำธุรกิจกับ Archegos ก็ได้รับผลตอบแทนอย่างงดงามจากค่าคอมมิชชันการซื้อขายจำนวนมาก ทำให้ในท้ายที่สุด Goldman Sachs จำต้องเข้าไปดึง Archegos มาเป็นลูกค้าในที่สุด

 

Archegos จัดการเดิมพันขนาดใหญ่และใช้ประโยชน์จากหุ้นสื่อของสหรัฐฯ ViacomCBS และ Discovery รวมถึง ADR ทางอินเทอร์เน็ตของจีนรวมถึง Baidu, Tencent และ Vipshop ตำแหน่งบางตำแหน่งถูกจัดขึ้นผ่านการแลกเปลี่ยนผลตอบแทนทั้งหมด

 

ซึ่งเป็นอนุพันธ์ประเภทหนึ่งที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถรับเงินเดิมพันจำนวนมากได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตำแหน่งเหล่านั้นต่อสาธารณะ

 

บิล ฮวัง เทรดขาดทุน 20,000 ล้านดอลลาร์ภายใน 2 วันได้อย่างไร ?

 

เหตการณ์เริ่มต้นที่ วันที่ 22 มีนาคม หลังเวลา 16.00 น. ได้ไม่นาน ปิดการซื้อขายในวันจันทร์ที่นิวยอร์ก ViacomCBS ซึ่งดิ้นรนเพื่อให้ทันกับ Apple TV, Disney+, Home Box Office และ Netflix ประกาศขายหุ้น เพราะว่าบริษัทต้องการระดมทุน 3 พันล้านดอลลาร์ บิลฮวังคือหนึ่งในผู้ถือถือหุ้นใหญ่ของ Viacomcbs

 

สไตล์การเทรดของบิล ฮวังคือ ทุกครั้งที่หุ้นขาขึ้น เขาทุ่มเงินไปกับมันอย่างไม่ลังเล โดยส่วนใหญ่แล้วเขาจะสร้างกำไรจากตรงนี้

 

บิล ฮวัง อาศัยการกู้ยืมเงิน (Margin Loan) จำนวนมาก เพื่อเพิ่ม Leverage หวังผลักดันให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น แต่กลับประสบปัญหา เทรดขาดทุน อย่างหนัก เมื่อมันไม่เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์เอาไว้ หุ้นร่วงลงเรื่อยๆ จนเป็นเหตุให้

 

Archegos โดนเรียกเงินหลักประกันเพิ่ม (Margin Call) แต่ บิลล ฮวัง ปฎิเสธที่จะชำระจึงถูกบังคับให้ขายหุ้นผ่านธุรกรรม Block Trade มูลค่าสูงถึง 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเมื่อวันศุกร์ 26 มี.ค. 2021

 

Archegos บริษัทที่อยู่ภายใต้การดูแลของ บิล ฮวังได้ทำการ Leverage หรือเรียกอีกอย่างว่ากู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินหลายแห่ง ยกตัวอย่างเช่น โกลด์แมนแซคส์, เครดิตสวิส กรุ๊ป เอจี, เจพี มอร์แกน, มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป, โนมูระ และมิซูโฮ

 

เมื่อ Archegos ไม่สามารถหาหลักประกันมาวางเพิ่มได้ ทำให้ธนาคารเจ้าหนี้อย่าง Goldman Sachs เทขายหุ้นล็อตใหญ่ในการซื้อขายแบบ Block Trade มูลค่า 1.05 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

 

ถือเป็นการเทขายหุ้นล็อตใหญ่อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนซึ่งสร้างความปั่นป่วนอย่างมากในตลาดการเงิน

 

ในส่วนนายทุนหลักทรัพย์ ที่เขากู้ยืมเงินมา ได้ขอร้องให้บิล ฮวัง ขายหุ้นบางส่วนไป เพื่อที่จะเยียวยาสถานการณ์ให้ดีขึ้น แต่เขากลับปฎิเสธ

 

Archegos ถูก Forced Sale หรือบังคับขายหุ้น ViacomCBS ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่สูงกว่าปกติหลายเท่า จากการที่หุ้น เนื่องจากไม่สามารถหาเงินมาใส่ในบัญชีให้มีมูลค่าตามอัตราส่วนขั้นต่ำดังที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้า

 

การล่มสลายของ Archegos ทิ้งร่องรอยความหายนะไว้

ธนาคารเครดิตสวิส กรุ๊ป เอจีขาดทุน 5.5 พันล้านดอลลาร์ หุ้นลดลง 14% ผู้บริหารระดับสูงหลายคน รวมทั้งหัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ ถูกไล่ออก

 

โนมูระ โฮลดิ้งส์ ต้องเผชิญกับการสูญเสียประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์หรือมากกว่านั้น หุ้นดิ่งลง 16.3%

 

นอกจากนี้ยังส่งผลให้หุ้นของบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งร่วงลงไปด้วยไม่ว่าจะเป็น ViacomCBS -50%, Discovery -45%, Tencent Music Entertainment -33%, Vipshop -31% และ Baidu -18%

 

คำถามคือเหตุใด Archegos จึงสามารถทำธุรกิจกับแบงก์ระดับโลกได้ทุกแบงก์ ด้วยตัวเลขหลักหมื่นล้านดอลลาร์?

 

ทำไมหน่วยงาน ก.ล.ต. ของสหรัฐ จึงไม่สามารถป้องกันหรือเตือนว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ ?

 

  • ทำไมแบงก์ใหญ่ระดับโลกจึงสนใจทำธุรกิจกับบิล ฮวัง ?

คำตอบคือ ธุรกิจ Prime Brokerage หรือการปล่อยกู้ให้กับลูกค้าอย่าง Archegos เพื่อนำเงินไปลงทุนในการเทรดหุ้นที่มีการใช้ตัวทวีคูณ ทั้งในทิศทางที่หุ้นขึ้นหรือลงนั้น

 

ถือเห็นธุรกิจที่สร้างกำไรอย่างงามจนแบงก์อย่าง Goldman Sachs และ Morgan Stanley ซึ่งมีผลประกอบการที่ดีมาก โดยปัจจัยหลักส่วนหนึ่งก็ด้วยจากธุรกิจนี้

 

  • ทำไมต้องเป็นบิล ฮวัง?

คำตอบคือ บิล ฮวังเป็นเทรดเดอร์ระดับตำนาน ที่มีอยู่ไม่กี่คนในโลกที่เก่งและกล้าเทรดแบบเสี่ยงได้ขนาดนี้ โดยในอดีต เขาเคยเป็นหนึ่งใน Tiger Cub หรือกองทุน Tiger Management Fund อันเลื่องชื่อด้านการเทรดแบบหวือหวาในอดีต

 

แม้ว่าเขาเองจะมีประเด็นกับทางการด้านกำกับตลาดทุนของฮ่องกงและสหรัฐ ทว่าเมื่อพ้นกำหนดเส้นตายที่ไม่ให้ทำธุรกรรมต่าง ๆ แบงก์ใหญ่ต่างก็พากันทำธุรกิจกับเขา

 

  • ทำไมหน่วยงานตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของรัฐบาลสหรัฐ จึงไม่สามารถป้องกันหรือเตือนว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้?

กฎหมายของสหรัฐระบุว่าหากบริษัทด้านการลงทุนใดมีจำนวนลูกค้าไม่ถึง 5 คน สามารถที่จะเลือกไม่เปิดเผยข้อมูลต่อทางการได้ โดย Archegos ก็เลือกใช้ช่องทางนี้ในการทำธุรกิจ

 

Archegos เลือกที่จะใช้เครื่องมือทางการเงินที่เรียกว่า Total Return Swap (TRS) หรือการแลกเปลี่ยนระหว่างกระแสเงินสดแบบคงที่จ่ายให้กับฝ่ายหนึ่ง โดยที่ได้รับผลตอบแทนที่ขึ้นอยู่กับระดับราคาที่สูงขึ้นหรือลดลงของกลุ่มหุ้นที่เลือกไว้ โดยที่มีการใช้ตัวทวีคูณหรือ Leverage ในการเพิ่มขนาดของกำไรหรือขาดทุนให้สูงขึ้นไปอีก

 

โดยการใช้เครื่องมือนี้ ทำให้การรายงานการซื้อหรือขายหุ้นที่อยู่ใน TRS จึงไม่มีชื่อของ Archegos หรือ บิล ฮวัง เป็นผู้ซื้อหรือขาย หากแต่เป็นแบงก์ใหญ่ที่ทำธุรกรรม TRS กับ Archegos ต่างหาก ที่ถูกรายงานว่าเป็นผู้ทำรายการซื้อหรือขายนั้น ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีใครระแคะระคายถึงการเทรดหุ้นของบิล ฮวัง แต่อย่างใด

 

สิ่งนี้ช่วยปกปิดตัวตนและตำแหน่งที่แท้จริงของเขา

 

 

Swops / Total Return Swap (TRS)  คือกลยุทยุทธ์ในการเทรดองบิล ฮวัง

เปรียบเสมือนดั่งปลาวาฬขนาดที่อยู่ภายใต้ท้องทะเลที่นิ่งสงบ เขาปิดบังตัวตนของเขาในการซื้อขายหุ้นต่างๆ แท้จริงแล้วเขาถือได้ว่าเป็นผู้ทรงอธิพลคนหนึ่งในตลาดการเงิน (Wall street)

 

  • การเทรดของเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ลงทุนในหุ้นแค่ไม่กี่ตัวแต่เดิมพันไปกับมัน
  • เขามีความเชื่อว่า ทุกอย่างพระเจ้าได้กำหนดมาไว้แล้ว เขาจะยอมรับทุกสิ่ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
  • กลยุทธ์การลงทุนของบิล ฮวังไม่ใช่แค่เพียงการเข้าไปซื้อหุ้นธรรมดา แต่เขาได้ใช้ “Block Trades” เป็นเครื่องมือในการลงทุน Block Trade คือ การซื้อหุ้นโดยวางเงินเพียงส่วนหนึ่ง โดยมีอัตราทดที่ 5-25 เท่า

 

บทสรุป

Bloomberg ได้ฝากข้อคิดว่า อยากให้รัฐบาลใส่ใจช่วยป้องกันระบบความเสี่ยงแบบนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก อยากให้มีการทำธุรกิจแบบโปร่งใส เพราะว่า อาจจะมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่แบบบิล ฮวังที่ไม่เปิดเผยตัวตนอยู่หลายคนก็เป็นไปได้

 

จากการล้มสลายของบิล ฮวังครั้งนี้

 

ไม่มีใครรู้ได้ว่า เขาเหลือสินทรัพย์อะไรไว้บ้าง

 

ศิษยาภิบาล คืออะไร

ศิษยาภิบาลคือผู้ที่ตอบสนองการทรงเรียกของพระเยซูคริสต์ ให้นำชุมชนคนที่เชื่อและไว้วางใจในพระองค์ ให้มีเป้าหมายสูงสุดในชีวิตที่จะสานต่อพระราชกิจแห่งการกอบกู้ พลิกฟื้น และการทรงสร้างใหม่ของพระองค์ให้ไปสู่การปกป้องคุ้มครองของพระเจ้า ในแผ่นดินของพระองค์

 

ศิษยาภิบาลจึงมิใช่ “ตำแหน่ง” ที่ให้สิทธิอำนาจแก่ศิษยาภิบาลเป็นผู้ที่มีสถานภาพเหนือกว่าผู้เชื่อคนอื่น ๆ ตรงกันข้าม  ศิษยาภิบาลคือคนรับใช้พระคริสต์ท่ามกลางชีวิตของผู้คนในสังคม  เฉกเช่นที่พระองค์มาเพื่อรับใช้มวลชนด้วยชีวิต   และประทานชีวิตของพระองค์เพื่อผู้คนเป็นอันมาก

 

ดังนั้น บทบาทของศิษยาภิบาลก็คือคนใช้ของพระเยซูคริสต์ ที่รับใช้ด้วย “สิทธิอำนาจ” ที่พระคริสต์ประทานให้ แต่ต้องตระหนักชัดในที่นี้ว่า สิทธิอำนาจนี้พระคริสต์ประทานให้เพื่อกอบกู้ พลิกฟื้น และทรงสร้างสังคมโลกนี้ขึ้นใหม่ ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์และพระบิดา คือการสานต่อพระราชกิจแห่งการนำ “แผ่นดินของพระเจ้า”  คือน้ำพระทัยของพระบิดาให้สำเร็จเป็นรูปธรรมในสังคมบนแผ่นดินโลกนี้

 

Source