กลยุทธ์ Fibonacci Retracement ของช่อง Data Trader “สำหรับ Day trading Crypto, Forex & Stocks” วันนี้เราจะมาพูดถึงสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์ Fibonacci Retracement และการใช้งานกับPirce action หรือการเคลื่อนไหวของเราคา
กลยุทธ์ Fibonacci Retracement ของช่อง Data Trader
มีด้วยกัน 3 หัวข้อหลักที่เราจะได้จากวิดิโอนี้
- วิธีการลาก Fibonacci Retracement อย่างถูกต้อง
- วิธีการหาจุดเข้าที่มีอัตราการชนะสูงโดยใช้กลยุทธ์ Fibonacci Retracement
- วิธีออกจากการซื้อ-ขายอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้กำไรมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
อะไร คือ Fibonacci Retracement
Fibonacci Retracement คือระดับหมายเลขลำดับฟีโบนัชชีที่สามารถทำให้คุณระบุจุดสิ้นสุดของ Pullback โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Fibonacci Retracement
แล้วทำไมเราต้องใช้เครื่องมือ Fibonacci Retracement ในการระบุ Pullback
- จากกราฟแสดงให้เห็นว่าตอนนี้เป็นเทรนด์ขาขึ้น และคุณก็กำลังมองหาจุดเข้าที่เหมาะสม
- เราทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าจุดเข้าที่ดี ควรรอเข้าตอนที่ราคามีการ Pullback
- จากนั้นเมื่อเราจุดสิ้นสุดของ Pullback ให้ทำการเปิดออเดอร์ BUY
เราสามารถรู้ได้อย่างไร ว่าจุดไหน เป็นจุดสิ้นสุดของ Pullback
แนวโน้มจุดสิ้นสุดของPullback สามารถดูได้จาก key levels ก่อนหน้า
ตัวอย่าง
- จากภาพจะเห็นได้ว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น
- เส้นสีขาวคือระดับแนวต้าน
- เราจะเห็นได้ว่าราคาวิ่งทะลุแนวต้านขึ้นไป และมีการPullbackที่ระดับแนวต้านก่อนหน้านี้
- ดังนั้นเราจึงสามารถระบุแนวโน้มจุดสิ้นสุดของPullback จาก Key levelก่อนหน้า (Key levelก่อนหน้า =ระดับแนวต้านก่อนหน้า)
ในกรณีที่ไม่มี Key level ก่อนหน้า
เราจะสามารถรู้ได้อย่างไรว่าจุดสิ้นสุดของ Pullback อยู่ตรงจุดไหน?
และนี้ก็คือที่มาของการใช้เครื่องมือ Fibonacci Retracement
วิธีการตั้งค่าเครื่องมือ Fibonacci Retracement
- คลิกที่ลูกศรชี้ในภาพแรก
- คลิกที่ Fibonacci Retracement
- จากนั้นก็คัดลอกตามที่เจ้าของช่องได้ตั้งค่าไว้เลย
หลักการใช้กลยุทธ์ Fibonacci Retracement
1. มองหาแนวโน้มของเทรนด์ที่ชัดเจน ทั้งเทรนด์ขาขึ้นและขาลง
2. การใช้เครื่องมือฟีโบนัชชีโดยการหาจุด Swing low, Swing high ของเทรนด์นั้น
การหา Swing low, Swing high
- Swing Low หมายถึงจุดต่ำสุดของราคาที่มีการแกว่งตัวลงไป
- Swing High หมายถึงจุดสูงสุดของราคาที่มีการแกว่งตัวขึ้นมา
การลากเส้น Fibonacci Retracement
- หากเป็นเทรนด์ขาขึ้น เริ่มลากจากจุด Swing low ขึ้นไปยังที่Swing high
- เทรนด์ขาลง เริ่มลากจากจุด Swing high ขึ้นไปยังที่Swing low
ระดับ Fibonacci Retracement ที่เจ้าของช่องใช้
- 38.2%
- 50.0%
- 61.8%
- 78.6%
- 100%
ซึ่งทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นระดับที่ราคาอาจจะมีการ Pullback ได้
และในส่วนของ3 ระดับนี้คือ “Golden Zone”
- 38.2%
- 50.0%
- 61.8%
ในกรณีที่ ราคาวิ่งลงมาแตะที่ระดับ
- 78.8%
- 100%
ยังถือว่าเป็นโซนPullback และราคามีโอกาสเด้งกลับขึ้นไปได้ แต่ถ้าหากราคาดิ่งลงทะลุระดับ100% สิ่งนี้สามารถระบุได้ว่าเป็นการกลับตัวของเทรนด์ (เป็นDowntrendและมีแนวโน้มที่ลงต่อไป)
ประเด็นสำคัญ คือ เราต้องปฏิบัติกับระดับ Fibonacci Retracement เหมือนกับเป็นเหมือนแนวรับแนวต้าน
จุดสิ้นสุดของ Pullback อยู่ตรงระดับไหนของ Fibonacci Retracement
- เราไม่ควรเปิดออเดอร์ซื้อ-ขายได้ หากราคามาแตะระดับใดระดับหนึ่ง
- สิ่งที่เราควรทำการรอดูสัญญานหรือ confirmation ที่บ่งบอกว่าราคามีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นไป
ตัวอย่าง สัญญาน
ราคาไม่สามารถทะลุเส้นระดับ 61.8% ไปได้ (แต่สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าราคาจะไม่สามารถลงต่อได้)
เจอ Bullish Engulfing pattern คือสัญญาณทางเทคนิคที่ส่งสัญญาณบอกการกลับตัวของราคาเป็นขาขึ้น
เจอ Upwards Momentum คือโมเมตัมเทรนด์ขาขึ้น และภาพที่สองก็ได้คอนเฟิร์มอีกว่าราคาอยู่ในช่วงดีดตัวขึ้น
สรุป 3 สัญญานที่บ่งบอกว่าเป็นจุดสิ้นสุดของ Pullback
- ราคาไม่สามารถทะลุเส้นระดับ 61.8% ไปได้
- เจอ Bullish Engulfing pattern เจอUpwards Momentum
- โมเมนตัมแท่งเทียนสีเขียวหลายแท่ง ที่ดีดตัวขึ้นมาทำลายเส้นระดับ 50%
ทั้งสามนี้เป็นสัญญานที่บ่งบอกว่าราคามีแนวโน้มเด้งตัวขึ้นไป และถือว่าเป็นจุดสิ้นสุดของ Pullback ขั้นตอนต่อมาก็จะเป็นการเปิดออเดอร์ BUY ข้อมูลตามภาพด้านล่าง
และในที่สุดเราก็ได้เห็นว่าราคาวิ่งขึ้นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จึงถือว่าเป็นการเทรดที่ประสบความสำเร็จ
เราสามารถใช้ Exiting key levels+ Fibonacci levels ในการหาจุดเข้า
ตัวอย่าง
1. จากภาพเป็นแนวโน้มขาขึ้น และมีการ Pullback เล็กน้อย
2. ลากฟีโบนัชชี จากจุด swing low ไปยังswing high
3. จากนั้นเราก็เห็นการ Consolidating ก็คือรูปแบบการพักราคาที่ระดับ 2% (เพียงแค่สัญญานนี้ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าราคาจะดีดตัวขึ้นไป เราต้องมองหาสัญญาณอื่นร่วมด้วย)
4. key levels ก่อนหน้า ถ้าคุณสังเกตดีๆ ตรงระดับเส้นสีขาวก็คือเส้น key levels ก่อนหน้า(แนวต้าน)มาบรรจบกับระดับฟีโบนัชชี
5. แท่งเทียนสีเขียวหลายๆแท่งเรียงกันและได้ดีดตัวขึ้นเหนือเส้นฟีโบนัชชีระดับที่ 2%เสดงให้เห็นว่าเป็น Momentum ขาขึ้น
สรุป
- ราคาPullback มาบรรจบกันระหว่างระดับฟีโบนัชชีกับ key levels ก่อนหน้า(แนวต้าน)
- แท่งเทียนสีเขียวหลายแท่งดีดตัวขึ้นไปทำลายระดับฟีโบนัชชีที่2%
ต่อมาเป็นการหาจุดเข้าเทรนด์ขาลง
จากภาพเราไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเทรนด์ขาขึ้นหรือเทรนด์ขาลง แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร?
คำตอบคือ เส้น 200 EMA ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สามารถทำให้เราระบุเทรนด์ได้ว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง
- จากภาพแสดงให้เราเห็นว่าเป็นเทรนด์ขาลง
- จากนั้นก็ทำการลากเส้นฟีโบนัชชี โดยเริ่มจากจุด Swing high ไปยังจุด swing low
สัญญานที่ระบุเป็นจุดสิ้นสุดของ Pullback
- ราคามีการ Pullbackที่ระดับฟีโบนัชชี
- ราคาไม่สามารถทะลุระดับฟีโบนัชชีขึ้นไปได้
- เจอรูปแบบ Bearish engulfing บ่งบอกว่าเป็นแนวโน้มขาลง
เมื่อเราเจอสัญญานที่สามารถ คอนเฟิร์มได้ว่าเป็นจุดสิ้นสุดของ Pullback เป็นช่วงที่ควรเปิดออเดอร์ Sell
จากภาพเราก็จะเห็นได้ว่าราคาร่วงลงมาตามที่เราคาดการณ์เอาไว้ ทำให้การเทรดครั้งนี้เป็นไปอย่างคุณภาพ สร้างกำไรงาม
4 อย่างที่ควรนำกลับไปปรับใช้
- ปฏิบัติกับระดับฟีโบนัขชีให้เหมือนดังแนวรับแนวต้าน
- หาภาพกว้างของเทรนด์ด้วยเครื่องมือ 200 EMA
- อย่าพึ่งเข้าเปิดออเดอร์ ถ้ายังไม่มีสัญญานคอนเฟิร์มของการกลับตัวใดๆ
- หาจุดบรรจบกันระหว่างระดับฟีโบนัชชีกับเส้นkey levelsก่อนหน้า
Source
Author: