ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน Tapering กลายเป็นประเด็นที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินในวงกว้าง การทำความเข้าใจเรื่องนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนทุกระดับ ในบทความนี้ Uhas จะพาคุณมาดูกันว่า Tapering คืออะไร เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
Tapering คืออะไร
Tapering คือการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve หรือ Fed) ลดขนาดการเข้าซื้อสินทรัพย์ในตลาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing: QE) โดยปกติ Fed จะใช้มาตรการนี้เมื่อเห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและไม่จำเป็นต้องอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบมากเหมือนช่วงที่ผ่านมา Tapering คือสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินครั้งสำคัญ
5 ผลกระทบของ Tapering
การประกาศทำ Tapering ของ Fed ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินในหลายมิติ เนื่องจากเป็นการลดสภาพคล่องในระบบ ซึ่งกระทบต่อการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ซึ่งผลกระทบของ Tapering จะมีอะไรบ้าง สามารถดูได้ดังนี้
1. ดอกเบี้ยในตลาด มีการปรับสูงขึ้น
เมื่อ Fed ลดการอัดฉีดสภาพคล่อง อัตราดอกเบี้ยในตลาดจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณเงินในระบบลดลง ส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มขึ้นทั้งสำหรับภาครัฐและเอกชน ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นสำหรับสินเชื่อบ้าน รถยนต์ และบัตรเครดิต
2. ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
การที่อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น จะดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศให้ไหลเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่อยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของสหรัฐฯ
3. ภาคอสังหาริมทรัพย์มีการชะลอตัว
เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ต้นทุนการกู้ยืมเพื่อซื้อบ้านจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ความต้องการซื้อบ้านลดลง ราคาบ้านอาจปรับตัวลดลง และการก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่อาจชะลอตัว กระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์
4. ราคาสินทรัพย์ดิจิตอลปรับตัวลง
สินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin และ Cryptocurrency อื่น ๆ มักได้รับผลกระทบในทางลบเมื่อเกิด Tapering เนื่องจากนักลงทุนมักลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงและหันไปถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น อีกทั้งต้นทุนในการลงทุนที่สูงขึ้นยังส่งผลให้เม็ดเงินไหลออกจากตลาด
5. ตลาดหุ้นมีการผันผวนสูง
ตลาดหุ้นมักเผชิญกับความผันผวนในช่วงที่มีการทำ Tapering เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนต้องเผชิญกับต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น และนักลงทุนอาจปรับพอร์ตการลงทุนให้มีความเสี่ยงน้อยลง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มักได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มอื่น
คำแนะนำการเทรด เมื่อเกิด Tapering
ในช่วงที่เกิด Tapering นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสม อาจพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น เช่น หุ้นกลุ่มธนาคาร การลงทุน Forex เพื่อใช้ประโยชน์จากความผันผวนของค่าเงิน แต่ต้องระมัดระวังและมีการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม
สรุป
Tapering คือการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินที่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลก การเข้าใจผลกระทบและเตรียมพร้อมรับมือจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในช่วง Tapering และกลยุทธ์การบริหารพอร์ตการลงทุน คุณสามารถเข้ามาอ่านได้ที่เว็บไซต์ Uhas เราเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมข้อมูลและบทวิเคราะห์การลงทุนที่ครบครันที่สุด พร้อมอัปเดตสถานการณ์ตลาดแบบเรียลไทม์ให้คุณได้ติดตาม
Author: