9 December 2565

ประวัติ Vitalik Buterin หนุ่มอัจฉริยะศาสดาแห่ง “Ethereum”

เรื่องPatihanUhas

ยอดวิว : 684

สารบัญ

ประวัติ Vitalik Buterin ผู้สร้างเหรียญ Ethereum

ก้าวขึ้นเป็นอภิมหาเศรษฐีคริปโตเคอร์เรนซีที่อายุน้อยที่สุดในโลก

ภาพจาก news.tokocrypto.com

ชีวิตในวัยเด็ก Vitalik Buterin

วิทาลิก เกิดเมื่อ31 มกราคมปี 1994 ที่เมืองโคลอมนาในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ชื่อจริงของเขาคือ Vitaly Dmitriyevich Buterin ปัจจุบันอายุ 28 ปี

พ่อ Dmitry Buterin เป็นโปรแกรมเมอร์ ในตอนที่กำเนิดวิทาลิกพ่อเขามีอายุเพียง 21 ปี ส่วนแม่ของเขายังเป็นนักศึกษาวิทยาการคอมพิวเตอร์

ภาพจาก twitter.com/BlockGeekDima

แม่ Natalia Ameline เธอศึกษาในด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และบริหารธุรกิจในรัสเซีย เธอเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง CryptoChicks องค์กรการศึกษาที่ไม่แสวงหาผลกำไร (***ปัจจุบันเธอเป็นผู้บริหารการเงินอาวุโสที่มีประสบการณ์ใน ความเชี่ยวชาญของเธอคือการวางแผนกลยุทธ์ทางการเงิน)

ภาพจาก twitter.com/natalia_ameline

หลักจากคลอดลูกได้ไม่ถึงปี ทั้งสองก็หย่าร้างกัน ทำให้ Dmitry กลายเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว จึงเป็นเหตุทำให้สองพ่อลูกสนิทกัน

และในปี 1995 -1996 พ่อของวิทาลิกได้พบรักกับ Maia และก็แต่งงานกันในปี 2004 Maia ถือว่าเป็นแม่เลี้ยงที่เลี้ยงดูวิทาลิกมาตั้งแต่ยังแบเบาะ เธอถ่ายทอดวิชาความรู้ที่เธอมีให้กับวิทาลิก (***แต่ล่าสุดเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา Dmitry ก็ได้แยกทางกันกับMaia มีลูกด้วยกัน 2 คนกับMaia เป็นผู้หญิงทั้งสองนับว่าเป็นน้องสาวต่างแม่ของวิทาริก)

ภาพจาก facebook.com/MaiaButerin/photos

Dmitry Buterin and Maia Buterin

ตอนที่วิทาลิกมีอายุได้ 3ขวบ เขาเริ่มอ่านหนังสือได้แล้ว พ่อของเขาจึงเห็นแววความอัจฉริยะมาตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ของขวัญชิ้นใหญ่ก็มักจะมีอะไรมาขัดขวาง คือวิทาลิกอ่านหนึงสือได้แต่การพูดนั้นช้า….

ตอนที่วิทาลิกอายุได้ 6 ขวบ ครอบครัวได้ย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศแคนาดาเพื่อมองหาชีวิตที่ดีขึ้น เพราะว่าในช่วงนั้นรัสเซียประสบกับปัญหาเศรษฐกิจ เงินดฟ้อต่างๆมากมาย รวมทั้งการเมือง ในปี 1990 ก่อนนวิทาลิกเกิด ทางการเริ่มปฏิรูประบบการเงิน ซึ่งทำให้ประชาชนหลายล้านคนต้องสูญเสียเงินออมที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิต จนทำให้เกิดความรู้สึกไม่พอใจรัฐบาลเพิ่มขึ้นทุกขณะ จึงเป็นชนวนจุดไฟให้คนในประเทศอยากออกจากประเทศมากยิ่งขึ้น

ทั้งพ่อ Dmitry แม่เลี้ยง Maia และแม่แท้ๆอย่าง Natalia Ameline ก็ได้ย้ายไปแคนนาดาและก็อาศัยอยู่ในระแวกบ้านใกล้ๆกัน เพื่อช่วยกันดูแลเลี้ยงดูวิทาลิก เราสองสามคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

Dmitry ก่อตั้ง Powerinside สตาร์ทอัพด้านสุขภาพจิตออนไลน์ในปีเดียวกันที่เขาย้ายเข้ามาในแคนนาดา

Dmitry Buterin and Maia Buterin (ตอนย้ายมาอยู่แคนนาดาช่วงแรก ๆ)

Vitalik, Dmitry and Natalia shortly after they moved to Toronto

แต่ทั้งสามก็ไม่มีเวลามากพอที่จะเลี้ยงดูวิทาลิก เพราะว่าต่าคนต่างมีต้องทำงานหาเงินสร้างความมั่งคั่ง จึงส่งวิทาลิกไปยังศูนย์พี่เลี้ยงเด็ก ด้วยวัยเพียง 6 ขวบ ต้องเผชิญกับพี่เลี้ยงที่พูดภาษาต่างถิ่นและการปรับตัวอื่นๆอีกมากมาย เปรียบเสมือนฝันร้ายในวัยเด็กของวิทาลิก

ภาพจาก cryptosrus.com/vitalik-buterin-mother-ethereum-scaling-solution-metisdao/

Picture from Maia Buterin FB and Dmitry Buterin FB

วิทาลิก นั้นเป็นเด็กที่ค่อนข้างฉลาดมาก มีระดับไอคิว 257 ขณะอยู่ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนประถมศึกษาในแคนาดา เขาถูกจัดให้อยู่ในชั้นเรียนสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์และสนใจวิชาคณิตศาสตร์ การเขียนโปรแกรม และเศรษฐศาสตร์ อีกทั้งเขายังสามารถบวกเลขสามหลักในหัวได้เร็วเป็นสองเท่าของคนทั่วไปในวัยเดียวกัน

Wired นิตยสารรายเดือนของอเมริกาที่เผยแพร่ในปี 2014 ได้กล่าวถึงวิทาลิกว่า เป็นเด็กออทิสติก “Wunderkind” ที่พูดภาษาจีนกลางได้อย่างคล่องแคล่วในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ***wunderkind หมายถึงคนที่ประสบความสำเร็จ ในธุรกิจหรือในการกระทำคล้ายกัน ในขณะที่มีอายุน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ

ช่วงวัยเด็กของวิทาลิกไม่ได้สวยงาม เพราะด้วยความที่เขามีพรสวรรค์ เขาเข้าใจโลกในแบบที่แตกต่างจากคนทั่วไป ซึ่งส่งผลต่อปฏิสัมพันธ์และการเข้าสังคม วิทาลกไม่สามารถเข้ากับคนอื่นๆได้ จึงทำให้เขาต้องหันไปจมจ่ออยู่กับคอมพิวเตอร์เพื่อเป็นเพื่อนกับตัวเองแทน เพราะเพื่อนๆ มองว่าเค้าคือคนที่แปลกแตกต่าง ไม่ร่วมสังสรรค์หรือทำกิจกรรมอื่นๆ

ในช่วงมัธยม(ตั้งแต่ปี 2007-2010) วิทาลิกจัดว่าเป็นคนที่เรียนดีคนหนึ่งเลยทีเดียว แต่เค้าก็ไม่ได้สนใจเรื่องการเรียนมากนัก แต่ให้ความสนใจกับการเล่น World Of Warcraft (เวิล์ด ออฟ วอร์คราฟ)

ภาพจาก gamerant.com/biggest-moments-in-world-of-warcraft-history/

โดยตัวละครที่เค้าชอบเล่นก็คือ Warlock พอถึงวันนึงตัวละครโปรด Warlock ของเขาก็ถูกอัปเดตเปลี่ยนแปลง Status บางอย่างของตัวละครจนทำให้เค้าเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และคิดว่าการที่มีคนควบคุมแบบนี้รู้สึกว่ามันไม่ดีเลย เพราะเหมือนเราอยู่ในกำมือของคนๆ หนึ่ง ที่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรก็ได้ตามใจชอบ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้วิทาลิกเลิกเล่นเกมส์World of Warcraft.

Warlock WoW https://wowwiki-archive.fandom.com/wiki/Warlock_(lore)

จากนั้นเขาก็เข้าเรียนที่ The Abelard School ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมเอกชนในโตรอนโต Buterin ในช่วงนี้แหละถือว่าเป็นช่วงเบิกบานของวิทาลิก ถึงเขาจะไม่เก่งในการเข้ากับผู้คนในสังคมภายนอก แต่ในโลกออนไลน์เขามีความกล้าที่สานสัมพันธ์กับคนมากมาย ในช่วงนั้นเขากำลังหาความรู้เกี่ยวกับBitcoin และcrypto เขาได้คอนเนคชั่นมากมายจากโลกออนไลน์

Dmitry and Vitalik play a game of chess (Source: Twitter)

จุดเริ่มต้นของ Vitalik Buterin กับ Bitcoin

เขาได้เริ่มสนใจและศึกษาเกี่ยวกับ Bitcoin มาตั้งแต่อายุ 17 จากคุณพ่อที่เป็นวิศวคอมพิวเตอร์ แต่ครั้งแรกที่เค้ารู้จักก็ยังไม่ได้มีความสนใจมากนัก เพราะคิดว่าไม่น่าจะได้รับความนิยม เพราะดูแล้วเหมือนจะเป็นเพียงแค่กระแสสั้นๆ แต่สุดท้ายเมื่อเขาได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ Bitcoin หลายๆ ครั้งเข้า จึงเริ่มเข้าไปศึกษาและค้นคว้าเกี่ยวกับระบบต่างๆ ของ Bitcoin จนในที่สุดเค้าก็หลงไหลเกี่ยวกับเทคโนโลยี Bitcoin และเครือข่ายจำพวก Cryptocurrency

Misha, (น้องสาวต่างบิดา) Dimitry and Vitalik อายุ 15 ปี 2009. https://cointelegraph.com/magazine/meet-dmitry-co-founder-of-ethereums-creator-vitalik-buterin/

อีกเหตุผลที่ทำให้วิทาลิกสนใจบิตคอยน์และคริปโต คือการเป็นสกุลเงินที่ไม่มีผู้ใดควบคุมหรือผูกขาด (decentralized) ต่างจากเกมส์ World Of Warcraft WoW ที่เคยทำให้เขาชอกช้ำใจมาในอดีต

ในปี 2011หลังเรียนจบม.ปลาย เขาก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยวอเตอร์ลูในแคนาดา ศึกษาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ ***มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในโลกที่ทำให้นักศึกษาได้เข้าถึงคอมพิวเตอร์ซึ่งทรงอำนาจมากในยุคนั้น เขาศึกษาคอร์สล้วงหน้ากว่า 2 คอร์ส และทำงานพาร์ทไทม์เป็นผู้ช่วยการวิจัยให้กับ Ian Goldberg ผู้เชี่ยวชาญด้านการเข้ารหัสซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Off-the-Record Messaging รวมถึงเป็นกรรมการคนก่อนของ The Tor Project

ในปี 2011 ด้วยความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเบื้องหลังบิตคอยน์ที่แตกฉาน แต่ยังไม่มีทุนทรัพย์พอในการขุดบิตคอยน์ (mining) หรือเข้าไปลงทุนซื้อขาย ในฐานะนักศึกษาที่ไม่มีเงินทุนมาก ดังนั้นเขาจึงเริ่มเขียนบทความให้กับเว็บไซต์ชื่อ Bitcoin Weekly หลังจากพบปะนักลงทุนในฟอรัม Bitcoin เขาได้รับ Bitcoin ตอบแทนจากการเขียนบทความนี้กว่า 5 BTC ขณะนั้นมีมูลค่าเพียง 0.8 เหรียญสหรัฐ หลังจากนั้นเว็บไซต์ Bitcoin Weekly นี้ก็ได้ปิดตัวลงเนื่องจากมีรายได้ไม่เพียงพอ

ต้นปี 2012 ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น เขาก็ถูกทาบทามให้มาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งนิตยสาร “Bitcoin Magazine” เพราะว่าความสามารถในการเขียนบทความของวิทาลิกได้ไปเข้าตา มิไฮ อลิซี ผู้คลั่งไคล้บิตคอยน์จากโรมาเนีย ทั้งคู่จึงร่วมกันก่อตั้งนิตยสารบิตคอยน์ (Bitcoin Magazine) ขึ้นในปลายปี 2011 โดยวิทาลิกรับหน้าที่เป็นนักเขียนอาวุโส

ในปี 2012 เขาได้ชนะรางวัลเหรียญทองแดงการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ “International Olympiad in Informatics”

เขารับงานนักเขียนหลักให้กับนิตยสารบิตคอยน์ ควบคู่ไปกับการหารายได้เสริมด้วยการเป็นผู้ช่วยวิจัยให้กับ เอียน โกลด์เบิร์ก ผู้เชี่ยวชาญด้านการเข้ารหัสข้อมูล (cryptographer) ขณะเดียวกันก็ลงเรียนหลักสูตรชั้นสูง 5 วิชาที่มหาวิทยาลัยวอเตอร์ลู (University of Waterloo) ไปพร้อมกัน

ในปี 2013 เขาก็ได้พบปะนักพัฒนาหลายประเทศที่สนใจด้านการเขียนโค้ดเหมือน ๆ กัน เขาได้พัฒนาอีเทอร์เรียมขึ้น ขณะที่ยังมีอายุเพียง 19 ปี ตอนนั้นเขาได้บินไปเยี่ยมนักพัฒนาในประเทศอื่นๆ ซึ่งมันได้เพิ่มความกระตือรือร้นในการเขียนโค้ดและสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน

ในปี 2014 วิทาลิกได้ออกจากมหาวิทยาลัยเพราะว่าได้ทุนกว่า 100,000 ดอลลาร์ สำหรับเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 23 ปีเพื่อสนับสนุนความสนใจอื่นๆโดยทุนนี้ได้รับการสนับสนุนโดย Peter Thiel มหาเศรษฐีพันล้านผู้อยู่เบื้องหลังการลงทุนใน Facebook ตั้งแต่แรกเริ่ม

ในปี2014 มีการเผยแพร่ Ethereum Whitepaper

ในปี 2015มีการเปิดตัว Ethereum อย่างเป็นทางการ

ในปี 2017 นิตยสาร Forbes ระบุว่า วิทาลิก ผู้สร้างเหรียญ Ethereum (ETH) กลายเป็นมหาเศรษฐีคริปโตที่อายุน้อยที่สุดของโลกด้วยวัยเพียง 27 ปี (สกุลเงินดิจิทัลของเขาพุ่งทะลุ 3,000 เหรียญสหรัฐ)

ณ เดือนพฤศจิกายน 2022 มูลค่าสุทธิของ Vitalik Buterin อยู่ที่ประมาณ 290,000 ETH ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 450 ล้านดอลลาร์

สิ่งที่น่าสนใจและไม่เน้นสาระ

เขาเป็นคนโสด จนถึงตอนนี้ ไม่มีข้อมูลใดๆเกี่ยวกับแฟนสาวเลย
หลายคนมองว่าเขาเป็นออทิสติก แต่เขาตอบกลับว่า “ผมแค่เสพติดโลกดิจิทัลเท่านั้นเอง”
ในประเทศจีน Ethereum ถือเป็นโครงการและเป็นสิ่งต้องห้าม อย่างไรก็ตามวิทาลิกรักประเทศนี้ เขาเป็นแขกประจำในการประชุมคอมพิวเตอร์ที่นั่น นอกจากนี้เขายังได้เรียนรู้ภาษาจีน
ตั้งแต่ปี 2015 เขาเป็นสมาชิกของทีมบรรณาธิการของนิตยสาร The Ledger ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวิจัย cryptocurrency เช่นกัน
วิทาลิกบริจาครายได้ส่วนหนึ่งให้กับ SENS Research Foundation เป็นประจำ ซึ่งเป็นโครงการเกี่ยวข้องกับการวิจัยการยืดอายุขัย

Source