ในยุคที่การเงินดิจิทัลกำลังเฟื่องฟู credit rating คือ ตัวชี้วัดสำคัญที่สถาบันการเงินใช้ประเมินความน่าเชื่อถือทางการเงินของคุณ เปรียบเสมือนใบเบิกทางสู่โอกาสทางการเงินที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อ การทำธุรกิจ หรือแม้แต่เริ่มต้นการลงทุน forex คะแนนเครดิตที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสการอนุมัติและได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าได้ บทความนี้ Uhas จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Credit Rating และวิธีดูแลให้คะแนนของคุณดีอยู่เสมอกัน
รู้จัก Credit Rating คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร
Credit Rating หรือคะแนนเครดิต เป็นระบบการให้คะแนนที่สะท้อนความน่าเชื่อถือทางการเงินของบุคคล โดยพิจารณาจากประวัติการชำระเงิน พฤติกรรมการใช้สินเชื่อ และความสามารถในการบริหารจัดการเงิน ซึ่งคะแนนเครดิตมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขอสินเชื่อ เพราะสถาบันการเงินจะใช้คะแนนนี้ประกอบการพิจารณาอนุมัติ และกำหนดอัตราดอกเบี้ยนั่นเอง
- เจาะลึก! วิธีคำนวณ Credit Rating
การคำนวณ Credit Rating ในประเทศไทยจะพิจารณาจากหลายปัจจัยด้วยกัน โดยมีน้ำหนักแตกต่างกันดังนี้
- ประวัติการชำระเงิน (35%) : พิจารณาความตรงต่อเวลาในการชำระหนี้
- ปริมาณหนี้สิน (30%) : สัดส่วนการใช้วงเงินสินเชื่อที่มีอยู่
- ระยะเวลาการใช้สินเชื่อ (15%) : ความยาวนานของประวัติการใช้สินเชื่อ
- ประเภทสินเชื่อ (10%) : ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
- การขอสินเชื่อใหม่ (10%) : ความถี่ในการขอสินเชื่อ
- รู้จักเครดิตบูโร ผู้เก็บประวัติ Credit Rating ในไทย
บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร เป็นหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตให้จัดเก็บข้อมูลเครดิตของประชาชนในประเทศไทย โดยรวบรวมข้อมูลจากสถาบันการเงินสมาชิก เพื่อจัดทำรายงานเครดิตและให้คะแนนเครดิต ข้อมูลนี้จะถูกเก็บไว้เป็นระยะเวลา 3 ปีสำหรับข้อมูลทั่วไป และ 5 ปีสำหรับประวัติการผิดนัดชำระ
พฤติกรรมแบบไหนที่กระทบ Credit Rating บ้าง?
พฤติกรรมการใช้เงินในชีวิตประจำวันส่งผลโดยตรงต่อคะแนนเครดิตของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการใช้บัตรเครดิต การผ่อนสินค้า หรือการกู้ยืมเงิน ล้วนถูกบันทึกไว้ในประวัติเครดิต มาดูกันว่าพฤติกรรมแบบไหนที่ส่งผลดีและส่งผลเสียต่อคะแนนเครดิตของคุณกันบ้าง
5 นิสัยการเงินที่ทำให้เครดิตพุ่ง
การสร้างประวัติเครดิตที่ดีไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่มีวินัยและรู้จักบริหารจัดการเงินอย่างชาญฉลาด มาดูกันว่ามีนิสัยอะไรบ้างที่จะช่วยให้คะแนนเครดิตของคุณพุ่งสูงขึ้น
1. จ่ายบิลตรงเวลาทุกเดือน ไม่มีพลาด
การชำระหนี้ตรงเวลา คือหัวใจสำคัญของการมีเครดิตที่ดี ควรตั้งการแจ้งเตือนการชำระเงินล่วงหน้า และเก็บเงินสำรองไว้สำหรับการชำระหนี้เสมอ ถ้ามีปัญหาการชำระเงิน ควรติดต่อสถาบันการเงินทันทีเพื่อหาทางออกร่วมกัน
2. ใช้วงเงินไม่เกิน 30% ของวงเงินที่มี
การรักษาอัตราส่วนการใช้วงเงินให้ต่ำแ สดงถึงความสามารถในการบริหารเงินที่ดี เช่น ถ้ามีวงเงินบัตรเครดิต 100,000 บาท ควรใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาทต่อรอบบิล วิธีนี้จะช่วยให้คุณมีวงเงินสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
3. มีประวัติการเงินต่อเนื่องยาวนาน
ประวัติการใช้สินเชื่อที่ยาวนานและสม่ำเสมอแสดงถึงความน่าเชื่อถือ ควรรักษาบัญชีเก่าที่มีประวัติดีไว้ แม้จะไม่ได้ใช้งานบ่อยก็ควรมีการใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อรักษาสถานะบัญชีให้ยังคงใช้งานอยู่
4. มีทั้งบัตรเครดิตและสินเชื่อ แบบครบสูตร
การมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย แสดงถึงความสามารถในการบริหารจัดการสินเชื่อ แต่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถในการผ่อนชำระ ไม่ควรมีมากเกินความจำเป็น
5. ตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลเครดิตสม่ำเสมอ
ควรตรวจสอบรายงานเครดิตอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อดูว่ามีข้อมูลผิดพลาดหรือรายการผิดปกติหรือไม่ ถ้าพบข้อผิดพลาด ให้รีบแจ้งเครดิตบูโรเพื่อตรวจสอบและแก้ไขโดยเร็วที่สุด
5 พฤติกรรมอันตรายที่ทำลายเครดิตโดยไม่รู้ตัว
นอกจากนิสัยดี ๆ ที่ช่วยเพิ่มคะแนนเครดิตแล้ว ยังมีพฤติกรรมที่อาจทำลายเครดิตของคุณโดยไม่รู้ตัวด้วย มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1. จ่ายขั้นต่ำหรือผิดนัดชำระ
การจ่ายเงินขั้นต่ำหรือผิดนัดชำระเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณอาจมีปัญหาทางการเงิน แม้การจ่ายขั้นต่ำจะไม่ผิดกฎ แต่จะทำให้คุณเสียดอกเบี้ยสูง และอาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในสายตาสถาบันการเงิน ส่วนการผิดนัดชำระแม้เพียงครั้งเดียว ก็ส่งผลเสียต่อประวัติเครดิตได้ยาวนานถึง 3-5 ปี
2. ใช้วงเงินเกิน 80% เป็นประจำ
การใช้วงเงินสูงเกินไปอาจสะท้อนถึงการพึ่งพาสินเชื่อมากเกินไป หรือมีภาระทางการเงินสูง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการผิดนัดชำระ สถาบันการเงินมักมองว่าผู้ที่ใช้วงเงินสูงเกิน 80% เป็นประจำมีความเสี่ยงสูง และอาจส่งผลต่อการพิจารณาสินเชื่อในอนาคต
3. สมัครสินเชื่อหลายที่ในเวลาใกล้กัน
การยื่นขอสินเชื่อหลายแห่งในระยะเวลาใกล้เคียงกัน อาจถูกมองว่ากำลังประสบปัญหาทางการเงิน หรือกำลังสร้างภาระหนี้มากเกินไป ควรวางแผนการขอสินเชื่อให้ดี และเว้นระยะเวลาระหว่างการยื่นขอแต่ละครั้งอย่างน้อย 3-6 เดือน
4. ยกเลิกบัตรเครดิตเก่าบ่อย ๆ
การยกเลิกบัตรเครดิตเก่าที่มีประวัติการใช้งานดี อาจทำให้คุณเสียประวัติการใช้สินเชื่อที่ยาวนาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการคำนวณคะแนนเครดิต ถ้าไม่จำเป็น ควรเก็บบัตรเก่าไว้และใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อรักษาสถานะบัญชีให้ยังคงใช้งานอยู่
5. เป็นผู้ค้ำประกันให้คนที่มีความเสี่ยง
การค้ำประกันให้ผู้อื่นเท่ากับยอมรับความเสี่ยงในการรับผิดชอบหนี้แทน ถ้าผู้กู้ผิดนัดชำระ คุณในฐานะผู้ค้ำประกันต้องรับผิดชอบ และจะส่งผลกระทบต่อประวัติเครดิตของคุณด้วย ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจค้ำประกันให้ใคร
อยากรู้เครดิตตัวเอง? เช็กง่าย ๆ แค่ 3 ขั้นตอน
วิธีเช็คเครดิตของตัวเองมี 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
- เตรียมเอกสาร : บัตรประชาชน และเอกสารยืนยันตัวตนอื่น ๆ ตามที่กำหนด
- ยื่นคำขอ : สามารถขอผ่านช่องทางออนไลน์ของเครดิตบูโร หรือสาขาธนาคารที่ให้บริการ
- รับรายงาน : หลังจากยื่นคำขอและชำระค่าธรรมเนียม จะได้รับรายงานเครดิตภายใน 15 นาที สำหรับช่องทางออนไลน์
แชร์เทคนิคดูแล Credit Rating ให้ดีตลอดไป
วิธีดูแล Credit Rating ให้ดี มีดังนี้
- วางแผนการเงินอย่างรอบคอบ
การวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ คือกุญแจสำคัญในการรักษาคะแนนเครดิตให้ดี เริ่มจากการทำงบรายรับ-รายจ่ายประจำเดือน เพื่อเห็นภาพรวมการใช้เงินที่ชัดเจน ควรกันเงินสำรองสำหรับชำระหนี้ไว้ล่วงหน้าเผื่อยามฉุกเฉิน และตั้งเป้าหมายการออมที่ชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว และลดการพึ่งพาสินเชื่อที่มากเกินจำเป็น
- สร้างวินัยการชำระเงิน
การสร้างวินัยในการชำระเงินเป็นเรื่องสำคัญ โดยควรตั้งระบบแจ้งเตือนการชำระเงินล่วงหน้าเพื่อไม่ให้พลาดการจ่าย พยายามจ่ายมากกว่ายอดขั้นต่ำทุกครั้งที่ทำได้ เพื่อลดภาระดอกเบี้ย และต้องหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระแม้แต่ครั้งเดียว เพราะจะส่งผลเสียต่อประวัติเครดิตในระยะยาว
- บริหารวงเงินอย่างชาญฉลาด
การบริหารวงเงินอย่างชาญฉลาดเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝน โดยควรรักษาอัตราการใช้วงเงินให้ต่ำกว่า 30% ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสม กระจายการใช้จ่ายระหว่างบัตรต่าง ๆ เพื่อไม่ให้วงเงินบัตรใดบัตรหนึ่งสูงเกินไป และสำคัญที่สุดคือ ไม่ใช้วงเงินเกินความจำเป็น เพื่อให้มีวงเงินสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉินด้วย
- ตรวจสอบข้อมูลเครดิตสม่ำเสมอ
การตรวจสอบข้อมูลเครดิตอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ควรเช็กรายงานเครดิตอย่างน้อยปีละครั้งเพื่อดูความเคลื่อนไหว ถ้าพบข้อมูลผิดพลาดต้องรีบแจ้งให้แก้ไขทันที และคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงของคะแนนเครดิตอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าประวัติเครดิตของคุณถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
- พัฒนาความรู้ทางการเงิน
การพัฒนาความรู้ทางการเงินเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว ควรศึกษาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะกับความต้องการ ติดตามข่าวสารด้านการเงินการธนาคารให้ทันสมัย และเรียนรู้เรื่องการลงทุนเพื่อต่อยอดสร้างความมั่งคั่งในอนาคต การมีความรู้ทางการเงินที่ดีจะช่วยให้คุณตัดสินใจทางการเงินได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น
credit rating คือ เครื่องมือวัดความน่าเชื่อถือทางการเงินที่สำคัญในชีวิตของคุณ ไม่ใช่แค่ตัวเลขคะแนนธรรมดา แต่เป็นกระจกสะท้อนให้เห็นถึงวินัยและความรับผิดชอบทางการเงิน แม้การสร้างและรักษาคะแนนเครดิตที่ดีจะต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าเสมอ เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวอีกด้วย
สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ การมีเครดิตดีไม่ได้หมายถึงการมีหนี้สินมาก แต่คือการรู้จักใช้สินเชื่ออย่างฉลาดและมีวินัยในการชำระหนี้ ถ้าคุณเข้าใจและปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานเหล่านี้ คะแนนเครดิตที่ดีจะเป็นใบเบิกทางสู่อิสรภาพทางการเงินที่คุณต้องการได้
Author: