Binary Option กับ Forex แตกต่างกันอย่างไร? คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า Binary Option คืออะไร และทำไมถึงมีรูปคล้ายคลึงกับ Forex เริ่มต้นไขข้อสงสัยทันทีได้จากเนื้อหาต่อไปนี้ พร้อมอธิบายข้อแตกต่างที่คุณควรรู้
Binary Option กับ Forex แตกต่างกันอย่างไร?
ปัจจุบันไม่ว่าใครก็สามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ต้องขอบคุณสื่อโซเชียลมีเดียและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ที่ทำให้พวกเราทุกคนสามารถเข้าถึงคลังความรู้ได้อย่างอิสระ ทำให้การลงทุนจะไม่สิ่งที่ไกลตัวผู้คนอีกต่อไป แต่การเสพข้อมูลผ่านทางสื่อออนไลน์นั้นก็จำเป็นต้องใช้วิจารณญาณที่มากพอสมควร มิฉะนั้นผู้ลงทุนอาจได้รับข้อมูลที่ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง
เราเชื่อว่ามีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตหลายท่านที่ได้ใช้เวลาส่วนหนึ่งไปกับแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก ยูทูป เว็บไซต์ และสื่อโซเชียลมีเดียอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งในบางช่วงเวลาคุณต้องพบกับโฆษณาเกี่ยวกับการลงทุนอย่างแน่นอน และหนึ่งในรูปแบบการลงทุนที่กำลังเป็นกระแสและในรับความนิยมก็คือ Binary Option นั่นเอง
Binary Option กลายเป็นตัวเลือกการลงทุนสมัยใหม่ที่มีผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจ เนื่องจากมีรูปแบบการลงทุนที่สามารถทำความเข้าใจได้ง่าย และเพียงแค่มีคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียวก็สามารถลงทุนได้ทันที ซึ่งเราจะพาคุณไปไขข้อขงสัยว่าจริงๆแล้ว Binary Option นั้นคืออะไร และแตกต่างจากการลงทุน Forex อย่างไร
Binary Option คืออะไร
จากรายงานของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อธิบายความของของ Binary Option เอาไว้ดังนี้
Binary Option คือ รูปแบบการลงทุนประเภทหนึ่งที่มีการซื้อขายราคาอ้างอิงสินทรัพย์ประเภท สกุลเงิน,
หุ้น, ดัชนี, ทองคำ, น้ำมัน ฯลฯ ซึ่งมีรูปแบบคล้ายคลึงกับการลงทุนประเภท Option แต่ Binary Option ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตราสาร Option แต่อย่างใด และไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ด้วยเช่นกัน
โดยการลงทุนประเภท Binary Option เริ่มกลายเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากสื่อโฆษณาออนไลน์ ทำให้การลงทุนประเภทดังกล่าวกลายเป็นที่รู้จักในหมู่นักลงทุนรายย่อยมือใหม่ เนื่องจากมีรูปแบบการลงทุนที่ไม่ซับซ้อน และสามารถทำความเข้าใจได้ภายในไม่กี่ขั้นตอน
ภาพรวมสัญญาการซื้อขายของ Binary Option
Binary Option มีรูปแบบการซื้อขายในลักษณะการอ้างอิงราคาสินทรัพย์ โดยผู้ลงทุนสามารถออกคำสั่งสัญญาซื้อ (Call Option) เมื่อพยากรณ์ว่าในอนาคตราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะปรับตัวสูงขึ้น และสามารถออกคำสั่งสัญญาขาย (Put Option) เมื่อพยากรณ์ว่าในอนาคตราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะปรับตัวต่ำลง
โดยพื้นฐานของการออกคำสั่งสัญญานั้น ผู้ลงทุนจะต้องกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดของสัญญาที่จะทำการซื้อขายก่อน โดยจะมีให้เลือกตั้งแต่ 1 ชั่วโมง, 30 นาที, 10 นาที, 5 นาที, 1 นาที และบางโบรกเกอร์อาจให้ระยะสิ้นสุดของสัญญาต่ำสุดถึง 30 วินาที
ในส่วนของการจ่ายอัตราผลตอบแทนของ Binary Option จะมีการกำหนดกำไรในรูปแบบตายตัว (Fixed Rate) โดยเฉลี่ยแล้วจะเริ่มต้นที่ 70% – 80% กล่าวคือหากในช่วงเวลาที่มีการกำหนดผลตอบแทน 80% และผู้ลงทุนออกคำสั่งสัญญาซื้อขายด้วยเงิน 100 บาท หากพยากรณ์ถูกจะได้รับกำไร 80 บาท แต่ในทางกลับกันหากพยากรณ์ผิดจะขาดทุนเต็มจำนวน
ลักษณะการทำกำไรใน Binary Option
Binary Option จะสามารถทำกำไรได้ก็ต่อเมื่อผู้ลงทุนสามารถพยากรณ์ราคาสินทรัพย์ได้ถูกต้องตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในตลาด โดยพื้นฐานของการวิเคราะห์ราคานั้นก็สามารถใช้เครื่องมือ หรือตัวชี้วัดต่างๆสำหรับการพยากรณ์ร่วมด้วยได้เช่นกัน
แต่เนื่องจาก Binary Option นั้นจะไม่ได้มีการจ่ายผลตอบแทนตามการเคลื่อนที่ของราคา (Pip) ดังนั้นต่อให้ราคาของสินทรัพย์จะเคลื่อนที่ไปมากน้อยเพียงใด ผู้ลงทุนก็จะได้รับผลตอบแทนแบบคงที่ตามที่โบรกเกอร์เป็นผู้กำหนด เช่น 40%, 50%, 70%, 80% เป็นต้น
และเนื่องจากรูปแบบของสัญญามีการกำหนด “เวลา” เป็นระยะสิ้นสุดการซื้อขาย ทำให้ในบางเหตุการณ์ที่ต่อให้ผู้ลงทุนจะคาดการณ์ถูกต้องก็ยังขาดทุนอยู่ดี เพราะในเสี้ยววินาทีสุดท้ายหากราคามีการปรับตัวต่ำกว่าราคาที่ทำสัญญาไว้เพียงเล็กน้อย เช่น 0.0001 Pip ก็จะถือว่าขาดทุนทันที 100%
มีความคุ้มค่าหรือไม่สำหรับการลงทุนในระยะยาว
หากพูดถึงความคุ้มค่าสำหรับการลงทุนในระยะยาว เราก็คงต้องให้นักลงทุนทุกท่านกลับไปพิจารณาถึง “ผลตอบแทน” ที่ได้รับจากการลงทุน เพราะอย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้น เนื่องจาก Binary Option นั้นมีการกำหนดผลตอบที่โดย Broker เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว และยังเป็นอัตราที่ “ได้ไม่คุ้มเสีย”
นอกจากนี้โบรกเกอร์ Binary Option ยังใช้อำนาจในการกำหนดผลตอบแทนในบางสินทรัพย์ เพื่อป้องกันไม่ให้นักลงทุนเข้าเทรดในสินทรัพย์นั้นๆอีกด้วย โดยจะมีการกำหนดอัตราผลตอบแทนที่ต่ำเกินความเป็นจริงจนผู้เข้าเทรดต้องเปลี่ยนสินทรัพย์ เช่น 20%, 30%, 40% เป็นต้น
ดังนั้นรูปแบบการเข้าเทรดของนักลงทุนใน Binary Option จะขาดอิสระในการเข้าเทรดในสินทรัพย์ที่ตนเองถนัด เนื่องจากการกำหนดอัตราผลตอบแทนนั้นไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน และแน่นอนว่าผลตอบแทนเฉลี่ยสูงสุดที่ 80% – 90% ก็ยังไม่ใช่อัตราที่คุ้มค่าอยู่ดี เพราะถ้าหากพยากรณ์ผิดพลาดผู้ลงทุนจะต้องสูญเสียเงินต้น 100% ซึ่งนั่นหมายความว่ามูลค่ากำไรที่คาดหวังในระยะยาวเป็นลบ
สูตรการคำนวณมูลค่ากำไรที่คาดหวัง (Expectancy)
(โอกาสในการได้กำไร (%) x อัตรากำไรเฉลี่ยจากการลงทุน (%)) – (โอกาสในการขาดทุน (%) x อัตราขาดทุนเฉลี่ยจากการลงทุน (%))
ในกรณีของ Binary Option ไม่สามารถกำหนด TP หรือ SL ได้ดังนั้นโอกาสในการทำกำไรจะอยู่ที่ 50% และในส่วนของอัตรากำไรเฉลี่ยจากการลงทุนจะถูกกำหนดมาแล้วโดยโบรกเกอร์เช่น 80% สามารถทำให้เราคำนวณได้ดังนี้
(0.5 x 0.8) – (0.5 x 1) = – 0.1
ผลลัพธ์กำไรที่คาดหวังหรือค่า Expectancy ที่เราคำนวณได้ออกมาเป็น “ลบ” นั่นหมายความว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอนสำหรับการลงทุนในระยะยาว
Binary Option เป็นการลงทุนหรือการพนัน
ในกรณีนี้เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าอะไรคือตัวชี้วัดที่ทำให้เรามองว่าสิ่งนี้คือการพนันหรือการลงทุน โดยพื้นฐานของการลงทุนความน่าจะเป็นในการประสบความสำเร็จ และความอัตราผลตอบแทนในอนาคตที่คาดว่าจะได้รับ คือปัจจัยสำคัญที่ผู้ลงทุนต้องสามารถควบคุมได้ ซึ่งถ้าหากทั้งสองปัจจัยนี้ผู้ลงทุนไม่สามารถควบคุมได้มันก็จะไม่ได้ต่างอะไรไปจากการพนัน
ทีนี้เราคงต้องมองย้อนกลับมาที่ Binary Option ว่าปัจจัยทั้งสองนั้นสามารถควบคุมได้หรือไม่ หากพูดถึงปัจจัยแรกเรื่อง “ความน่าจะเป็นในการประสบความสำเร็จ” ก็สามารถบอกได้ทันทีว่ามันเป็นสิ่งที่ยากมากที่ Binary Option จะสามารถควบคุมปัจจัยนี้ได้ เนื่องจาก Binary Option ตัดสินผลลัพธ์ด้วยการกำหนดระยะเวลา ซึ่งในบางครั้งต่อให้ผู้ลงทุนคาดการณ์ถูกแต่เวลาไม่เป็นใจก็ยังขาดทุนอยู่ดี
และถ้าหากพูดถึงปัจจัยที่สองคือ “อัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ” ก็แทบไม่ต้องพิจารณาอะไรให้ซับซ้อน เพราะ Binary Option นั้นมีการกำหนดผลตอบแทนมาแล้วล่วงหน้าโดยโบรกเกอร์ (Broker) นั่นหมายความว่าปัจจัยทั้งสองที่ควรพิจารณานั้นถูกควบคุมเบ็ดเสร็จโดยโบรกเกอร์ทั้งหมด ดังนั้นสุดท้ายนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ลงทุนแล้วว่าคุณจะมอง Binary Option ในลักษณะใด
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Binary Option กับ Forex
ในกรณีของ Forex ก็เป็นการซื้อขายราคาอ้างอิงสินทรัพย์ และไม่ได้มีการสงมอบสินค้ากันจริงๆเหมือน Binary Option ซึ่งในส่วนของประเด็นนี้ก็แทบไม่ได้มีความแตกต่างกันแม้แต่น้อยในลักษณะการซื้อขาย แต่สิ่งที่แตกต่างและทำให้ Forex นั้นมีความได้เปรียบกว่าก็คือ ปัจจัยทั้งสองด้านอย่างผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ และความน่าจะเป็นที่จะประสบความสำเร็จนั้นสามารถควบคุมได้
โดย Forex จะสามารถกำหนดเป้าหมายกำไรได้ด้วยการตั้ง Take Profit และสามารถตั้งจุดตัดขาดทุนด้วย Stop Loss ซึ่งแตกต่างจาก Binary Option ที่ไม่สามารถใช้เครื่องมือทั้งสองได้ ซึ่งกรณีที่พยากรณ์ผิดทาง Forex ยังสามารถควบคุมปริมาณขาดทุนได้ แต่ Binary Option หากพยากรณ์ผิดทางจะสูญเสียเงินต้นทั้งหมด
นอกจากนี้การเทรด Forex ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกด้วยนั่นก็คือ Leverage เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรจากการลงทุนโดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินต้นที่เยอะ แต่อย่างไรก็ตามเครื่องมือทางการเงินดังกล่าวก็ย่อมมาพร้อมความเสี่ยงด้านการขาดทุนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งต้องถูกบริหารจัดการและใช้งานอย่างรอบคอบ
บทสรุป
ในส่วนสุดท้ายเราหวังว่าทุกท่านจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับ Binary Option เพิ่มมากขึ้นไม่มากก็น้อย ซึ่งจากรายการทั้งหมดที่เราได้กล่าวมาก็ได้อธิบายให้เห็นถึง รูปแบบของสัญญา Binary Option และข้อแตกต่างระหว่างการลงทุนประเภท Forex
ประเด็นสำคัญที่เราอยากให้ทุกท่านเข้าใจคือ ความคุ้มค่าและความสมเหตุสมผลที่คุณจะได้รับจากการลงทุนแต่ละประเภท และเราหวังว่าข้อมูลที่ได้นำเสนอไปจะทำให้คุณสามารถพิจารณาเลือกลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและรอบคอบมากขึ้น เพื่อเส้นทางการลงทุนที่ยั่งยืนในอนาคต
Source:
ก.ล.ต. Binary Option: https://www.sec.or.th/TH/Template3/Articles/2560/ac-post-25600408-binary-obtions.pdf
Thaibroker forex https://thaibrokerforex.com/binary-option-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD/
การคำนวณค่า Expectancy https://knowledge.bualuang.co.th/knowledge-base/whatisexpectancy/
Author: