ประวัติ Chris Larsen (เคย)รวยที่สุดในโลกคริปโต

เรื่องPatihanUhas

ประวัติ Chris Larsen

ประวัติ Chris Larsen บุคคลที่เคยรวยที่สุดในโลกคริปโต มื่อวันที่ 4 มกราคม ในปี 2018 “คริส ลาร์เซน” ติดอันดับที่5 ของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ในจังหวะที่ XRP มีราคาแพงที่สุดในรอบสัปดาห์

 

ประวัติ Chris Larsen (เคย)รวยที่สุดในโลกคริปโต

  • Chris Larsen ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริหารของ Ripple (XRP)
  • Ripple เป็นบริษัทที่เขาร่วมก่อตั้งกับJed McCaleb ในปี 2012 เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินระหว่างประเทศแก่ธนาคาร

 

ภาพจาก forbes.com

 

คริส ลาร์เซน ไม่เพียงแต่เป็นนักลงทุนรายแรกและผู้ร่วมก่อตั้ง Ripple Labs เพียงเท่านั้น แต่เขายังเป็นผู้บริหารธุรกิจและนักลงทุนรายย่อย ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการร่วมก่อตั้งสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีใน Silicon Valley หลายแห่ง (Silicon Valley คือศูนย์รวม Startup และ Tech companies ระดับโลก)

 

XRP เหรียญเงินดิจิทัลสกุล Ripple สร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินระหว่างประเทศสำหรับธนาคารที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน… เมื่อวันที่ 4 มกราคม ในปี 2018 “คริส ลาร์เซน” ติดอันดับที่5 ของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ในจังหวะที่ XRP มีราคาแพงที่สุดในรอบสัปดาห์ มูลค่าสินทรัพย์ของ คริส ลาร์เซนสูงถึง 59 พันล้านดอลลาร์ แซงหน้า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก  

 

โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจากกรรมสิทธิ์การครอบครอง เหรียญ XRP ถึง 5.19 พันล้านหน่วย และเขาถือหุ้น17% ในบริษัท (ปริมาณที่ถือครองไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ Forbes อ้างว่าได้ตัวเลขมาจากคนในบริษัท)

 

  • ในปี 1996 “คริส ลาร์เซน” ได้ร่วมก่อตั้ง E-Loan ผู้ให้กู้จำนองออนไลน์ ซึ่งกลายเป็นบริษัทแรกที่ให้คะแนนเครดิต FICO แก่ผู้บริโภคฟรี
  • ในปี 2005 “คริส ลาร์เซน” ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO E-Loan เพื่อก่อตั้ง Prosper Marketplace ซึ่งเป็นแนวคิดการให้ยืมเงินแบบ peer-to-peer ในช่วงเริ่มต้นของ Web 1
  • ในปี 2012 “คริส ลาร์เซน” ได้ก่อตั้ง Ripple ร่วมกับ Jed McCaleb
  • ในปี 2018 “คริส ลาร์เซน” คือบุคคลที่รวยที่สุดในโลกของคริปโต

 

Ripple คืออะไร

Ripple เป็นบริษัทที่สร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการโอนเงินข้ามประเทศ ข้ามสกุลเงินที่มีความยุ่งยาก จุดต่างสำคัญของ Ripple จากสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ คือเครือข่าย RippleNet ซึ่งเป็นเครือข่ายปิด (permissioned blockchain) ที่ให้ใช้งานเฉพาะธนาคารที่เป็นสมาชิกเท่านั้น ต่างจาก Bitcoin หรือ Ethereum ที่เป็นเครือข่ายเปิด (public หรือ permissionless)

 

Ripple ใช้ทำอะไรบ้าง

  1. ใช้แลกเปลี่ยนสกุลเงินด้วยค่าคอมมิชชั่นที่ต่ำ มีหลายสกุลเงินที่ไม่สามารถแปลงเป็นสกุลเงินได้โดยตรง ดังนั้นธนาคารจึงจำเป็นต้องใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นสื่อกลาง ดังนั้นจึงมีค่าคอมมิชชั่นถึงสองเท่า การแปลงสกุลเงิน A เป็น USD และ USD เป็นสกุลเงิน B นั้น Ripple ก็เป็นสื่อกลางด้วยเช่นกัน แต่ราคาถูกกว่า USD อยู่มาก
  2. ใช้ทำธุรกรรมระหว่างประเทศที่รวดเร็ว เวลาในการทำธุรกรรมโดยเฉลี่ยคือ 4 วินาที เปรียบเทียบกับ Bitcoin ที่ใช้เวลาเป็นชั่วโมงหรือมากกว่า และสองสามวันสำหรับระบบธนาคารปกติ
  3. ใช้เป็นระบบการชำระเงิน โดยทั่วไปผู้ใช้สามารถออกสกุลเงินของตนเองเพื่อการทำธุรกรรมที่รวดเร็วและราคาถูกได้

 

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีของ Ripple ก็ได้รับความสนใจจากธนาคารหลายแห่งทั่วโลก ธนาคารใดบ้างที่รองรับ Ripple

  1. Santander
  2. Axis Bank
  3. Yes Bank
  4. Westpac
  5. Union Credit
  6. NBAD
  7. UBS

 

ในเดือนธันวาคม ปี 2020 ที่ผ่านมานี้ บริษัท Ripple และตัวคริส ลาร์เซน ได้ถูกฟ้องร้องจากรัฐบาลว่า พวกเขาได้เสนอขายเหรียญ XRP ให้กับประชาชนทั่วไป โดยที่เหรียญนั้นยังไม่ได้รับการรับรองจากทาง กลต. ทาง Ripple ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างเปิดเผย

  • ในปี 2021 ผู้บริหารของ Ripple ต้องการป้องกันไม่ให้ SEC เปิดเผยข้อมูลทางการเงินของตน ดังนั้นจึงเตรียมยื่นขอเอกสารด้านการเงินจากต่างประเทศมาสู้คดี กล่าวจะปิดเกม SEC
  • แต่ในเดือนตุลาคมปี 2022 ทางฝั่งสำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวว่าความเคลื่อนไหวของ Ripple นั้นควรจะถูกปฏิเสธเนื่องจาก “มีหลักฐานที่ไม่มีข้อโต้แย้ง” ว่าพวกเขาขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนอย่างผิดกฎหมาย
  • สื่อบางแห่งยังบอกมาอีกว่าพนักงานของ Ripple ที่อยู่มานานได้ยื่นลาออก เพราะว่าไม่มั่นใจในสถานการณ์ของบริษัท

 

ประวัติส่วนตัว คริส ลาร์เซนในวัยเด็ก

คริส ลาร์เซนเกิดในซานฟรานซิส, แคลิฟอร์เนียในวันที่ 18 ส.ค.1960 (ปัจจุบันอายุ 62 ปี) แม่ของเขาทำงานเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ Artist (บางสื่อก็ว่าแม่ของเขาเป็นนักเขียนการ์ตูน) พ่อของเขาทำงานเป็นช่างเครื่องบินสายการบินยูไนเต็ดซานฟรานซิส หลังจากเรียนจบโรงเรียนมัธยมเขาได้ไปเรียนต่อที่ San Francisco State University (ช่วงระยะเวลาเรียน1982-1984)

 

ในปี 1984 เขาได้รับปริญญาตรีในหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาธุรกิจระหว่างประเทศและการบัญชี หลังจากเรียนจบเขาเริ่มทำงานให้กับเชฟรอน (Chevron) โดยทำหน้าที่ตรวจสอบัญชีการเงินในบราซิล เอกวาดอร์ และอินโดนีเซีย งานเป็นไปอย่างราบรื่นดี แต่เขาก็เลือกที่จะเรียนต่อ

 

ในปี 1991 เขาสำเร็จการศึกษา MBA จาก Stanford Graduate School of Business (ช่วงระยะเวลาเรียน1989-1991)

 

การงานอาชีพของคริส ลาร์เซน

ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เขาทำงานเป็น Mortgage loan หรือผู้ทำธุรกรรมเกี่ยวกับสินเชื่อให้กู้จำนอง ที่เมืองพาโลอัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่นั่นทำให้เขาได้เจอกับ Janina Pawlowski ซึ่งทั้งสองได้กลายเป็นเพื่อนกัน เพียงเวลาไม่นานทั้งคู่ก็ลาออกจากงานและเริ่มต้นวางแผนธุรกิจจำนองหรือปล่อยกู้

 

ในปี 1996 ทั้งสองได้ร่วมก่อตั้ง E-Loan ผู้ให้กู้จำนองออนไลน์ ซึ่งกลายเป็นบริษัทแรกที่ให้คะแนนเครดิต FICO แก่ผู้บริโภคฟรี

 

ในปี 1997 เว็บไซต์ E-Loan เผยแพร่สู่สาธารณะและอนุญาตให้ผู้กู้ค้นหาซื้อสินเชื่อได้โดยตรง โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมจากนายหน้าหรือตัวแทนขาย

 

ในปี 1998 E-Loan ประสบกับปัญหาทางการเงิน และในไม่นานทั้งคู่ก็ได้พูดคุยกับ Intuit (Software company) เพื่อโน้มน้าวให้ซื้อกิจการE-Loan ที่มีมูลค่า 130 ล้านดอลลาร์ Pawlowski และ คริส ซึ่งถือหุ้นร้อยละ 40 แต่ละคนจะแยกย้ายกันไปพร้อมกับเงินสด 10 ล้านดอลลาร์และหุ้น 16 ล้านดอลลาร์ใน Intuit จากนั้นไม่กี่วันก่อนที่ข้อตกลงจะปิดตัวลง Timothy Koogle CEO ของ Yahoo ได้ตัดสินใจซื้อหุ้นร้อยละ 23 ของหุ้น E-Loan ในราคา 25 ล้านดอลลาร์ ทำให้ทั้งสองได้รับเงินน้อยลง แต่พวกเขายังคงสมารถควบคุมบริษัทต่อไปได้

 

ในปี 1999 เดือนตุลาคม บริษัทได้เปิด IPO ทำให้บริษัทมีมูลค่าประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ และมีพนักงานประมาณ 350 คน

 

ในปี 2005 คริส ลาร์เซนก้าวลงจากตำแหน่ง CEO E-Loan เพื่อก่อตั้ง Prosper Marketplace ร่วมกับ John Witchel และในท้ายที่สุดบริษัท E-Loan ก็ถูกขายให้กับ Banco Popular

 

Prosper Marketplace เป็นตลาดให้กู้ยืมแบบ peer-to-peer เป็นการประมูลออนไลน์สไตล์ eBay โดยผู้ให้กู้และผู้กู้กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้โดยใช้ระบบการประมูลของเนเธอร์แลนด์ (วิธีการขายโดยลดราคาจนกว่าจะพบผู้ซื้อ) ผู้กู้สามารถขอสินเชื่อส่วนบุคคลผ่านเว็บไซต์ได้ ในขณะที่ Prosper จะจัดการบริการเงินกู้และกระจายการชำระเงินของผู้กู้และดอกเบี้ยคืนให้กับผู้ลงทุนเงินกู้ คริส ลาร์เซนให้เงินกู้ยืม 450 รายผ่านทางเว็บไซต์จนถึงปี 2008 โดยมีผู้กู้ที่หลากหลาย เช่น เจ้าของบ้าน นักศึกษา ผู้ใช้บัตรเครดิต และผู้ประกอบการ

 

ในปี 2008 Prosper ได้การระดมทุนมากกว่า 120 ล้านดอลลาร์ในเงินกู้ โดยมีวงเงินกู้เฉลี่ย 7,000 ดอลลาร์

 

ในปี 2012 คริส ลาร์เซนก้าวลงจากตำแหน่ง CEO Prosper และมาร่วมก่อตั้ง OpenCoin ซึ่งพัฒนา Ripple เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินระหว่างประเทศแก่ธนาคาร การจับธุรกิจนี้ทำให้เขาประสบความสำเร็จ ร่ำรวย โด่งดังไปทั่วโลก ในฐานะ CO-CEO Ripple

 

ในปี 2021 วันที่ 15 มีนาคม คริส ลาร์เซน ประกาศว่าเขาจะลาออกจากตำแหน่ง CEO Ripple

 

คริส ลาร์เซน และครอบครัว (งานการกุศล)

Chris และ Lyna Lam ภรรยาและลูกชายทั้งสอง พวกเขาทั้งบริจาคเงินมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ให้กับ College of Business และยังได้บริจาคเงินมากกว่า 800,000 ดอลลาร์สำหรับทุนการศึกษา ในด้านวิทยาศาสตร์ และการริเริ่มทางธุรกิจ

 

Lam Family College of Business ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ครอบครัวของ Lyna โดยเฉพาะพ่อของเธอ Quang Lam ซึ่งเป็นผู้นำครอบครัวในการหลบหนีจากสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชา พ่อของเขาอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศไทยและฟิลิปปินส์

 

ครอบครัว Lam ได้อพยพไปยังสหรัฐอเมริกาและตั้งรกรากที่นี่ คริสมองว่า Quang Lam เป็นคนที่ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ครอบครัวได้ย้ายมาใช้ชีวิตที่ดีขึ้นในถิ่น America dream

 

เขามองว่าความเฉลียวฉลาด ความมุ่งมานะ และความมุ่งมั่นของพ่อตาเป็นตัวอย่างที่ดี

 

Lyna Lam, Chris Larsen, Quang Lam

 

คริส ลาร์เซนและครอบครัว สนับสนุนการศึกษาไปทั่วโลก มากมาย ยกตัวอย่างหนึ่งที่ Alfaisal University ในประเทศ ซาอุดิอาราเบีย

 

นอกจากสนับสนุนอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆแล้ว คริสยังขึ้นไปบรรยาย ให้กับนักศึกษาในหัวข้อ “Internet of Value” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ College of Business Executive Lecture Series ซึ่งเขาได้พูดคุยเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของ Ripple วิสัยทัศน์….ต่างๆนาๆ

https://twitter.com/Alfaisaluniv/status/1098575991985893376/photo/2

 

บทส่งท้าย

คริส ลาร์เซน เก็บความเป็นส่วนตัว เหมือนกับมหาเศรษฐีพันล้านคนอื่นๆ เราจึงไม่สามารถหาข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลังได้ของเขาได้มาก เราสามารถรู้ได้เท่าที่เขาอยากจะให้รู้ รูปที่เผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตก็มีไม่มาก ในการสัมภาษณ์ต่างๆเขาจะให้สัมภาษณ์เฉพาะในด้านของเนื้องานที่เขาทำกับการกุศลที่เขาบริจาค นอกเหนือจากนี้เขาไม่เปิดเผยความเป็นส่วนตัวใดๆ ต่อสื่อเลย

 

Source