forex วิธีเล่น – Forex เล่นยังไง พร้อมสอนเล่น Forex วิธีเทรด Forex
forex วิธีเล่น – Forex เล่นยังไง ? สอนเล่น Forex วิธีเทรด Forex วิธีเล่น Forex คำถามเหล่านี้คงวนเวียนอยู่ในหัวของเทรดเดอร์หลายคนที่ต้องการสร้างรายได้จากตลาด Forex แต่จริงๆแล้วผมต้องบอกก่อนว่าไม่ว่าจะตลาดหุ้น หรือ ตลาด Forex นั้น การซื้อขาย เราจะไม่ใช้คำว่า “เล่น” อย่างเช่น เล่นหุ้น เล่น Forex เพราะความรู้สึกมันเหมือนกับว่าเป็นการเล่น เล่นแบบไม่เอาจริง เล่นแบบการพนัน ต่างๆนานา
ซึ่งผู้ที่ซื้อขายหุ้นหรือผู้ที่ซื้อขาย Forex นั้นจะไม่ชอบคำว่า “เล่น” สักเท่าไหร่ แล้วต้องเรียกว่าอย่างไร ในตลาดหุ้นนั้นมักจะใช้คำว่า การลงทุนในหุ้น การเทรดหุ้น ส่วนในตลาด Forex นั้นจะนิยมใช้คำว่า การเทรด Forex จะไม่ใช้คำว่าการลงทุนในตลาด Forex
เนื่องจากว่าการซื้อขายในตลาด Forex เป็นการเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคา เราเลยไม่นิยมใช้คำว่า “ลงทุน” แต่เน้นไปทางการเก็งกำไรมากกว่า ก่อนที่เราจะไปทำการเก็งกำไรในตลาด Forex สิ่งแรกที่เราจะต้องมาเรียนรู้คือ ทำความเข้าใจว่า Forex คืออะไร?
Forex หรือ FX ย่อมาจากคำว่า “Foreign Exchange” ซึ่งมีความหมายว่า ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ เราสามารถสร้างรายได้จากตลาด Forex ด้วยเก็งกำไรผลต่างของสกุลเงิน ด้วยการซื้อมาในราคาที่ถูกแล้วขายไปในราคาที่แพงกว่า
หากอธิบายให้เข้าใจแบบง่ายคือๆ ตลาด Forex มีความคล้ายคลึงกับตลาดหุ้นไทยอยู่บ้าง สมมุติว่าหากเราต้องการซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทย เราต้องซื้อหุ้นของบริษัทใดบริษัทหนึ่งในตลาดหุ้นไทย แต่ในตลาด Forex จะไม่มีหุ้นให้ซื้อขาย แต่ในตลาด Forex จะซื้อขายในลักษณะการเก็งกำไรสกุลเงินแทน
ตัวอย่าง Forex
ปี 2540 อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 ดอลลาร์เท่ากับ 60 บาท ผมได้นำเงิน ดอลลาร์มาแลกจำนวนเงิน 1,000 ดอลลาร์ ผมได้เงินไทยจำนวน 60,000 บาท
ปัจจุบันผมจะนำเงินที่เคยแลก มาแลกกลับเป็นเงินดอลลาร์ ปรากฎว่าในตอนนี้อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 ดอลลาร์เท่ากับ 30 บาท ผมนำเงินจำนวน 60,000 บาทมาแลกจะได้เงินกลับมาเป็นจำนวนเงิน 2,000 ดอลลาร์
เห็นได้ว่าการแลกเปลี่ยนเงินในครั้งนี้ทำให้ผมได้กำไรถึง 1,000 ดอลลาร์ ในตลาด Forex ก็เช่นเดียวกัน เราจะทำกำไรด้วยการซื้อมาในราคาที่ถูกแล้วขายไปในราคาที่แพงกว่า แต่ถ้าซื้อมาในราคาที่แพงแล้วขายไปในราคาที่ถูกก็จะทำให้ขาดทุน การสร้างรายได้ลักษณะนี้เราเรียกว่า “การเก็งกำไร”
สกุลเงินในตลาด Forex มีมากมายหลากหลายสกุลเงิน แต่ละสกุลเงินจะมี 3 ตัวอักษร โดยอักษร 2 ตัวแรกใช้แทนชื่อประเทศ อักษรตัวที่ 3 ใช้แทนชื่อสกุลเงิน
ตัวอย่างตัวย่อใน Forex
- ชื่อประเทศ Thailand ตัวย่อ TH
- สกุลเงินในประเทศ Bath ตัวย่อ B
- สกุลเงินบาทของไทยจึงมีชื่อว่า THB
โดยสกุลเงินที่นิยมซื้อขายในตลาด Forex
- USD ประเทศ United States สกุลเงิน Dollar
- EUR ประเทศ Euro members สกุลเงิน Euro
- JPY ประเทศ Japan สกุลเงิน Yen
- GBP ประเทศ Great Britain สกุลเงิน Pond
- CHF ประเทศ Switzerland สกุลเงิน Swiss Franc
- CAD ประเทศ Canada สกุลเงิน Canadian dollar
- AUD ประเทศ Australia สกุลเงิน Australian dollar
- NZD ประเทศ New Zealand สกุลเงิน New Zealand dollar
ในตลาด Forex จะซื้อขายสกุลเงินในลักษณะคู่เงิน
ตัวอย่างเช่น USD/THB ดอลลาร์สหรัฐกับสกุลเงินบาทไทย
สกุลเงินตัวหน้ามีชื่อเรียกว่า Base currency ในตัวอย่างคือ USD
สกุลเงินตัวหลังมีชื่อเรียกว่า Quote currency ในตัวอย่างคือ THB
- สมมุติให้ USD/THB = 30
หมายความว่า Base currency มีค่าเท่ากับ 1 Quote currency มีค่าเท่ากับ 30 หรือ 1 ดอลลาร์มีค่าเท่ากับ 30 บาท
- สมมุติให้ USD/JPY = 112
หมายความว่า Base currency มีค่าเท่ากับ 1 Quote currency มีค่าเท่ากับ 112 หรือ 1 ดอลลาร์มีค่าเท่ากับ 112 เยน
สาเหตุที่ตลาด Forex ต้องซื้อขายเป็นคู่เงินเพราะต้องการให้มีการเปรียบเทียบเกิดขึ้น เพื่อที่จะได้รู้ว่าสกุลเงินหนึ่งจะแข็งค่าหรืออ่อนค่าลงเมื่อเปรียบเทียบอีกสกุลเงินหนึ่ง จากตัวอย่างก่อนหน้าเห็นได้ว่าเราซื้อเงินบาทตอนเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนั้นเงินบาทมีการแข็งค่าขึ้นมาเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐจาก USD/THB = 60 เป็น USD/THB = 30 เราจึงทำการขายเพื่อทำกำไร
เรื่องจริงที่หลายอาจไม่รู้คือประชากรไทยไทยเกิน 60% มีความเกี่ยวข้องในตลาด Forex โดยที่ไม่รู้ตัว เนื่องจากว่าตลาด Forex มีอยู่ทุกที่ทั่วโลกที่มีการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการแลกเงินไปเที่ยวต่างประเทศก็ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในตลาด Forex แล้ว หรือแม้แต่การซื้อของนำเข้าจากต่างประเทศอันนี้ก็ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในตลาด Forex เช่นเดียวกัน
ในปัจจุบันตลาด Forex มีมูลค่าการซื้อขายกว่า $4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน จึงจัดได้ว่าตลาด Forex มีปริมาณการซื้อขายใหญ่ที่สุดของโลก
Forex เล่นยังไง
อย่างที่บอกว่าเราจะไม่นิยมใช้คำว่าเล่นกับตลาด Forex เพราะความรู้สึกมันเหมือนกับว่าเป็นการเล่น เล่นแบบไม่เอาจริง เล่นแบบการพนัน ต่างๆนานา ซึ่งเทรดเดอร์ในตลาด Forex นั้นจะไม่ชอบคำว่า “เล่น” สักเท่าไหร่ แต่เทรดเดอร์ในตลาด Forex ส่วนใหญ่นั้นจะนิยมใช้คำว่า การเทรด Forex หรือการเก็งกำไรมากกว่า
การซื้อขายในตลาด Forex เราจะซื้อขายเป็นคู่เงินเพื่อเก็งกำไร สิ่งที่เทรดเดอร์ต้องมีหากต้องการเข้ามาเก็งกำไรในตลาด Forex
- เปิดบัญชีซื้อขายกับโบรกเกอร์ Forex
- ติดตั้งโปรแกรม MetaTrader 4 หรือ MetaTrader 5
- เริ่มต้นซื้อขายในตลาด Forex
ตลาด Forex จะทำกำไรด้วยวิธีการเก็งกำไรจากส่วนต่างของกราฟราคา หากคาดการณ์ว่าราคาจะมีการปรับตัวขึ้น ให้เทรดเดอร์ทำการเปิดออร์เดอร์ Buy หากคาดการณ์ว่าราคาจะมีการปรับตัวลง ให้เทรดเดอร์ทำการเปิดออร์เดอร์ Sell
สอนเล่น Forex วิธีเทรด Forex วิธีเล่น Forex จาก Price Pattern
จริงๆแล้วเทคนิคการซื้อขายในตลาด Forex นั้นมีมากมายหลากลายวิธีมาก หากจะอธิบายในบทความเดียวคงไม่พออย่างแน่นอน ทำให้ในวันนี้ผมได้คัดเทคนิคในตลาด Forex มาให้เทรดเดอร์ได้ศึกษาคือเทคนิคการใช้รูปแบบราคาหรือทีใครหลายคนรู้จักในนาม Chart Patterns หรือ Price Patterns 2 รูปแบบของกราฟราคา ได้แก่ กราฟสามเหลี่ยมแบบ Symmetrical และ รูปแบบกราฟหัวไหล่ Head And shoulders
Chart Patterns หรือ Price Patterns คืออะไร
Chart Patterns หรือ Price Patterns คือรูปแบบของกราฟราคา ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แต่เทรดเดอร์สามารถนำรูปแบบเหล่านี้มาใช้เพื่อทำการคาดการณ์ถึงสภาวะตลาดในอนาคตได้
รูปแบบที่ 1 Head And shoulders
กราฟรูปแบบ Head And shoulders เป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นในสภาวะตลาดแนวโน้มขาขึ้น เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าราคาที่กำลังปรับตัวขึ้นอยู่อาจใกล้สิ้นสุดแล้ว
ส่วนประกอบของ Head And shoulders
- Left Shoulder (ไหล่ซ้าย)
- Head (หัว)
- Right Shoulder (ไหล่ขวา)
- Neckline (สร้อยคอ)
ขั้นตอนการเกิด Head And shoulders
- เมื่อราคาเคลื่อนที่มาถึง Left Shoulder (ไหล่ซ้าย) ราคาจะอ่อนแรงลง แล้วราคาจะตกมาที่ Neckline (สร้อยคอ)
- ผู้คนเข้าซื้ออีกครั้ง ทำให้ราคาดีดขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่เป็นตำแหน่ง Head (หัว)
- หลังจากนั้นราคาตกลงมาครั้งที่ Neckline (สร้อยคอ)
- ผู้คนเข้าซื้ออีกครั้ง แต่การเข้าซื้อครั้งนี้อ่อนแรงลง ทำให้ราคาดีดขึ้นมาไม่สูงเท่าจุด Head (หัว) จนกลายเป็นตำแหน่ง Right Shoulder (ไหล่ขวา)
- หลังจากนั้นราคาตกลงมา แต่ครั้งนี้ราคาสามารถทะลุ Neckline (สร้อยคอ) ลงไปได้
- หลังจากที่ราคาทะลุ Neckline (สร้อยคอ) ลงไปได้ ทำให้มีผู้คนแห่เทขาย เพราะคิดว่าราคามีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มแล้ว จึงทำให้ราคาตกลงอย่างรุนแรงจนแนวโน้มเดิมกลับตัว
วิธีคำนวณหาจุดทำกำไร Take Profit
การคำนวณหาจุดทำกำไร Take Profit แบบรูปแบบกราฟ Head And shoulders ระยะทางจาก Neckline (สร้อยคอ) ถึง Head (หัว) (ตามภาพเป็นเส้น TP) หากราคาเคลื่อนที่เคลื่อนที่ไปถึง TP แล้วไม่มีท่าทีจะกลับตัวให้เลื่อนจุดทำกำไรออกเป็น 2 เท่าของ TP ทำแบบนี้เรื่อยๆจนกว่าราคาจะมีการกลับตัว
รูปแบบที่ 2 กราฟสามเหลี่ยมแบบ Symmetrical
กราฟในรูปแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งสภาวะตลาดขาขึ้นและตลาดขาลง รูปแบบนี้เป็นรูปแบบการไปต่อของกราฟราคา หากพบว่ารูปแบบสามเหลี่ยมนี้เกิดขึ้นในตลาดที่อยู่ในขาลงให้คาดการณ์ว่าราคาจะลงต่อไปอีก หากพบว่ารูปแบบสามเหลี่ยมนี้เกิดขึ้นในตลาดที่อยู่ในขาขึ้นให้คาดการณ์ว่าราคาจะขึ้นต่อไปอีก
หน้าตาของรูปแบบนี้คือ สามเหลี่ยม ที่มีแนวรับแนวต้านที่ต่ำลงและมีแนวรับที่สูงขึ้น แล้วมาบรรจบกันเป็นรูปสามเหลี่ยม
ถ้าหากพบกราฟราคาในรูปแบบนี้ คาดว่าราคาอาจจะวิ่งไปตามแนวโน้มหลักของมันต่อไป เพราะรูปแบบนี้เป็นสัญญาณการพักตัว ไม่ใช่สัญญาณการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม
หากคุณพบรูปแบบนี้ในแนวโน้มขาขึ้น คาดการณ์ว่า ราคามีโอกาสจะขึ้นต่อไป
หากคุณพบรูปแบบนี้ในแนวโน้มขาลง คาดการณ์ว่า ราคามีโอกาสจะลงต่อไป
วิธีวาดกราฟเพื่อหากราฟสามเหลี่ยมแบบ Symmetrical
- ราคาที่กำลังเคลื่อนที่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือแนวโน้มขาลง มีการอ่อนแรงลง และเคลื่อนที่ไปด้านข้าง แบบ Sideway ที่แนวรับสูงขึ้นเรื่อยๆและแนวต้านต่ำลงเรื่อยๆจนมาบรรจบกันเป็นรูปสามเหลี่ยม
- กราฟต้องชนแนวต้านอย่างน้อย 2 ครั้ง แนวรับ 2 ครั้ง
- ไม่นานราคาจะทะลุออกนอกกรอบสามเหลี่ยม
วิธีการเทรด เมื่อเจอกราฟสามเหลี่ยมแบบ Symmetrical
1.1. เทรดทันทีที่ราคาทะลุออกนอกกรอบสามเหลี่ยม
การเข้าเทรดในลักษณะนี้ เป็นการเข้าเทรดทันทีที่ราคาทะลุออกนอกกรอบสามเหลี่ยม การเข้าเทรดแบบนี้เป็นการเข้าเทรดแบบรวดเร็ว อาจจะเจอสัญญาณทะลุหลอกบ่อยครั้ง หากต้องการเทรดด้วยรูปแบบนี้แนะนำให้เลือก Time Frame ที่ใหญ่มากกว่า 1 ชั่วโมง เพื่อลดความผันผวนของตลาด
1.2. รอให้ราคาทะลุออกนอกกรอบสามเหลี่ยม
การเข้าเทรดในลักษณะนี้ เป็นการเข้าเทรดที่ต่างจากข้อ 1.1. เพราะการเข้าเทรดรูปแบบนี้จะไม่เข้าเทรดโดยทันทีที่ราคาออกนอกกรอบสามเหลี่ยม แต่จะรอดูท่าทีของการเคลื่อนที่ของกราฟราคาสักพัก เพราะราคาที่ทะลุออกไปมีโอกาสจะกลับมาทดสอบที่บริเวณกรอบสามเหลี่ยมอีกครั้ง หรือเทรดเดอร์บางรายอาจจะรอให้ราคากลับมาทดสอบที่กรอบสามเหลี่ยมจึงค่อยเปิดออร์เดอร์อีกครั้ง
การตั้งจุดหยุดขาดทุน Stop Loss
การตั้ง Stop Loss เมื่อคุณเลือกซื้อขายจากรูปแบบกราฟสามเหลี่ยม Symmetrical ตำแหน่งที่ควรวาง Stop Loss ที่ดีมีอยู่ไว้ 3 ตำแหน่ง ได้แก่
Stop Loss อย่างรวดเร็ว
คือ การตั้ง Stop Loss ไว้บริเวณแนวรับ-แนวต้านที่ราคาทะลุออกนอกกรอบสามเหลี่ยมออกไป
- ข้อดีของการตั้ง Stop Loss แบบนี้คือทำให้สามารถขาดทุนน้อย เมื่อราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์
- ข้อเสียของการตั้ง Stop Loss แบบนี้คือหากราคามีการแกว่งตัวแรง อาจจะทำให้พลาดโอกาสที่ทำได้กำไร
Stop Loss ระยะกลาง
คือการตั้ง Stop Loss ไว้ระเวณกลางของกรอบสามเหลี่ยมหรือหากมีแนวรับ-แนวต้าน บริเวณนั้น ที่อยู่บริเวณกึ่งกลางก็ควรตั้งบริเวณนั้น เนื่องจากว่าราคาที่ทะลุออกนอกกรอบสามเหลี่ยมส่วนใหญ่ ราคามักจะกลับมาที่จุดที่ราคาทะลุไปแล้วจึงค่อยปรับตัวไปต่อ ราคาที่ทะลุไปแล้วมักจะไม่เข้ามาในกรอบสามเหลี่ยมอีกครั้ง ทำให้รูปแบบการตั้ง Stop Loss ระยะกลาง จึงเป็นที่นิยมมากที่สุด มากกว่ารูปแบบที่ 1 และรูปแบบที่ 3
- ข้อดีของการตั้ง Stop Loss แบบนี้คือ โอกาสพลาดกำไรจากการแกว่งตัวของกราฟมีน้อยกว่ารูปแบบที่ 3
- ข้อเสียของการตั้ง Stop Loss แบบนี้คือหากเกิดการขาดทุนเนื่องจากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ จะขาดทุนมากกว่ารูปแบบการตั้ง Stop Loss แบบแรก
Stop Loss แบบห่าง
คือการตั้ง Stop Loss ไว้ที่นอกกรอบสามเหลี่ยมอีกฝั่งที่ราคามีการทะลุออกไป เช่น หากราคาทะลุแนวต้านของสามเหลี่ยมออกไป เราจะตั้ง Stop Loss ไว้ที่แนวรับของกรอบสามเหลี่ยมนั้น(ตามรูป)
- ข้อดีของการตั้ง Stop Loss แบบนี้คือ ลดโอกาสพลาดกำไรที่เกิดจากการแกว่งตัวของราคาได้เป็นอย่างดี
- ข้อเสียของการตั้ง Stop Loss แบบนี้คือ หากเกิดการขาดทุนจาก Stop Loss จะเป็นการขาดทุนค่อนข้างมาก และเป็นการขาดทุนที่มากกว่า รูปแบบที่ 1 และรูปแบบที่ 2
สรุป ตำแหน่ง Stop Loss ที่แนะนำคือ การตั้ง Stop Loss แบบระยะกลาง ถ้าตามรูปแบบของการทำกำไรด้วยรูปแบบสามเหลี่ยม Symmetrical เราจะมองว่าราคาที่ทะลุออกไป มักจะกลับมาทดสอบที่กรอบที่ทะลุออกไปอีกครั้ง ตรงจุดนี้อาจจะทำให้ราคาโดน Stop Loss แบบที่ 1 ได้ แล้วกฎต่อมาเขาบอกว่าราคาที่ทะลุไปมักจะไม่กลับมาในกรอบ หากราคาเข้ามาในกรอบอาจจะถือว่าเป็นการ Break out ไม่สำเร็จ หรือราคานั้นไม่ได้เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ การตั้งราคาในกรอบสามเหลี่ยมจึงเป็นทางเลือกที่ดีนั้นคือการตั้ง Stop Loss แบบระยะกลาง แต่การตั้ง Stop Loss แบบที่ 3 เป็นการตั้ง Stop Loss ที่นอกกรอบของอีกฝั่งที่ราคามีการทะลุ
ผมมองว่าการตั้ง Stop Loss แบบนี้เป็นการตั้ง Stop Loss ที่ห่างเกินไป อาจจะทำให้ขาดทุนเป็นจำนวนมากเมื่อราคามาที่ Stop Loss เพราะถ้าราคาที่ทะลุออกไปนอกกรอบแล้วกลับเข้ามาอีกครั้ง เราควรมองว่าราคา Break out ไม่สำเร็จ หรือราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ ควรตัดขาดทุนตั้งแต่ Stop Loss ระยะกลาง ไม่ควรปล่อยให้ขาดทุนลาดยาวถึง Stop Loss แบบห่าง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการแกว่งตัวของกราฟราคาด้วย หากราคามีการแกว่งตัวมาก การตั้ง Stop Loss ระยะกลางอาจจะไม่พอต่อการแกว่งตัวของกราฟราคา หากราคามีการแกว่งตัวน้อย Stop Loss แบบรวดเร็วก็เพียงพอแล้ว แต่ยังไงก็เชียร์การตั้ง Stop loss ระยะกลางมากที่สุด
กลับสู่หน้าหลัก https://uhas.com/
ไปอ่านบทความ
Tags:
Author: