สำหรับพีระมิดการลงทุนนับว่าเป็นการวางแผน การกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ตามรูปแบบพีระมิดที่ไล่จากฐานที่มีพื้นที่เยอะกว่าไปจนถึงปลายยอด ซึ่งในจุดนี้จะเป็นการให้ความสำคัญในการลงทุนบริเวณฐานเป็นหลักมากกว่า โดยจะยึดการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำเป็นหลัก แต่ถ้าหากใครอ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ และอยากรู้เกี่ยวกับพีระมิดการลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น และสามารถจัดสินทรัพย์อะไรได้บ้างในพีระมิดการลงทุน สามารถตามอ่านกันได้ที่นี่เลย
พีระมิดการลงทุนคืออะไร
พีระมิดการลงทุน คือ การกระจายการลงทุนเป็นรูปพีระมิด เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนตามประเภทสินทรัพย์ต่างๆ ซึ่งตัวฐานจะมีความเสี่ยงต่ำที่จะเน้นความแม่นยำในการสร้างรายได้ที่ถือว่ามีความเสถียร ในขณะที่ยอดพีระมิดมีความเสี่ยงสูงจะเน้นการสร้างกำไรเพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตของรายได้
หัวใจสำคัญของการกระจายการลงทุน
ในการกระจายการลงทุนอย่างที่ได้กล่าวไปว่ามีขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ในขณะเดียวกันก็สร้างผลตอบแทนได้ไปในตัวด้วย ซึ่งในจุดนี้จะต้องมีการจัดสรรปันส่วนให้ดี โดยจะขึ้นอยู่กับนักเทรดเดอร์เลยว่าจะจัดการอย่างไร แต่ก่อนที่จะไปจัดการจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้หัวใจสำคัญของการกระจายการลงทุนเสียก่อนดังต่อไปนี้
- ต้องรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนประเภทต่างๆ เพื่อเลือกการลงทุนที่ตนเองมีความรู้มากที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนที่ผิดพลาด
- การลงทุนจะต้องสัมพันธ์กันกับเป้าหมายทางการเงินของตัวเอง หรือก็คือมีการวางแผนการเงินว่าอยากได้เงินที่จำนวนเท่าไหร่ และสามารถรับความเสี่ยงได้เท่าไหร่
- การกระจายความเสี่ยงมีความสมเหตุสมผลตามหลักที่จะเป็นหรือไม่ โดยการกระจายความเสี่ยงควรเป็นไปตามลักษณะพีระมิด โดยวัดจากความเสี่ยงของสินทรัพย์นั้นๆ
- มีความยืดหยุ่นที่สามารถปรับเปลี่ยนแผนในระหว่างที่ทำการลงทุนได้อย่างทันท่วงทีเมื่อมีสถานการณ์ที่แปรผัน
- ต้องมีการตรวจสอบและติดตามข่าวสารต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งประเมินมูลค่าของพอร์ตสำหรับการลงทุน
พีระมิดการลงทุนมีสินทรัพย์อะไรบ้าง
พีระมิดการลงทุนคือการกระจายความเสี่ยง ดังนั้นการจัดประเภทสินทรัพย์จึงสามารถจัดได้ในหลายระดับตั้งแต่ความเสี่ยงน้อยไปจนถึงความเสี่ยงมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนักเทรดเดอร์เลยว่าจะจัดสรรกันอย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาตามมาอ่านกันเลยดีกว่าว่าพีระมิดการลงทุน มีสินทรัพย์ดังต่อไปนี้
เงินฝากธนาคาร
เป็นการนำเงินไปฝากธนาคาร ที่สามารถทำการถอนออกมาได้ โอกาสที่เงินจะหายนั้นก็เป็นไปได้ยาก นับได้ว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด
พันธบัตรรัฐบาล
เป็นพันธบัตรที่ออกโดยภาครัฐ มีโอกาสในการผิดนัดในการกระจายดอกเบี้ยและเงินต้นที่น้อย แต่ก็มีความเสี่ยงที่สูงกว่าการฝากธนาคาร เพราะมีความเสี่ยงในเรื่องของราคาที่มีการผันผวนของอัตราดอกเบี้ย
หุ้นกู้
จะมีความแตกต่างจากการออกโดยรัฐบาล เพราะผู้ที่ออกจะเป็นเอกชนจึงมีโอกาสในการผิดนัดในการกระจายดอกเบี้ยและการคืนเงินต้นที่สูง จึงมีความเสี่ยงที่สูงขึ้นตามไปด้วย
กองทุนรวม
มีความเสี่ยงที่ขึ้นอยู่กับกองทุนนั้นว่าเอาเงินไปทำการลงทุนกับสินทรัพย์อะไร ถ้าหากลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลก็จะมีความเสี่ยงต่ำ ลงทุนในหุ้นกู้ก็จะมีความเสี่ยงเล็กน้อย ลงทุนผสมทั้งหุ้นและตราสารหนี้ก็จะมีความเสี่ยงในระดับปานกลาง
หุ้น
การนำเงินไปลงทุนในกิจการเพื่อร่วมเป็นเจ้าของบริษัท เมื่อบริษัทได้กำไรมากผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นได้รับก็จะมากตามไปด้วย แต่ในทางที่กลับกันถ้าหากบริษัทขาดทุนผู้ถือหุ้นก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วยเช่นกัน
อนุพันธ์
เป็นการอ้างอิงราคาโดยการใช้สิ่งของ ซึ่งจะเป็นการซื้อของมาเพื่อทำกำไร แต่ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาก็มีมากมายเลยอาจจะทำให้มีการคาดการณ์ที่เป็นไปได้ยาก โอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ก็อาจจะผิดหวัง
สรุปบทความ
การลงทุนก็ควรที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของสินทรัพย์ที่จะลงทุน ระดับความเสี่ยงหรือโอกาสในการสร้างผลตอบแทนหรือผลกำไร รวมไปถึง พีระมิดการลงทุน เพื่อทำให้การจัดสรรเงินลงทุนนั้นตรงกับความต้องการมากที่สุด และถ้าหากใครที่ต้องการหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะ forex สามารถตามอ่านได้ที่ สอนเทรด forex เบื้องต้น ได้เลย
Author: