กลยุทธ์การเทรด Forex ด้วย Bollinger Bands + RSI

เรื่องPatihanUhas

กลยุทธ์การเทรด Forex

กลยุทธ์การเทรด Forex ด้วย Bollinger Bands + RSI กลยุทธ์การเข้าเทรดด้วยความเสี่ยงต่ำ  (BOLLINGER BANDS & RSI TRENDLINE BREAKS)

 

กลยุทธ์การเทรด Forex ด้วย Bollinger Bands + RSI

บทความนี้เราจะมาพูดถึงการซื้อ-ขายที่มีความเสี่ยงต่ำและสร้างผลกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ โดยอาศัยอินดิเคเตอร์ 2 ตัวในการวิเคราะห์กราฟ “BOLLINGER BANDS & RSI TRENDLINE BREAKS” นี่ถือว่าเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ ที่ให้ผลกำไรและยังได้รับความนิยมสำหรับการเทรดแบบ Scalping และ Swing trading จริงๆแล้วสามารถใช้ได้ทุกตลาดการเงิน

 

 

ใช้อินดิเคเตอร์ 2 ตัวในวิเคราะห์กราฟ

  1. Bollinger Bands (โบลินเจอร์ แบนด์)
  2. RSI Trendline break

 

1. Bollinger Bands (โบลินเจอร์ แบนด์)

Bollinger Bands คือ Indicator วิเคราะห์สภาวะตลาดการเงินที่ใช้วัดความผันผวนและกำหนดทิศทางของแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคา Indicator ตัวนี้ยังสามารถใช้เพื่อค้นหา “การซื้อมากเกินไป” และ “ขายมากเกินไป”

 

Bollinger Bands นิยมจัดให้เป็นเครื่องมือ “Technical Analysis” ในกลุ่ม Trend สามารถวิเคราะห์กราฟหุ้น, น้ำมัน, คริปโตฯ และอื่น ๆ ซึ่ง Bollinger Bands จะใช้กรอบวิเคราะห์ความผันผวนของตลาดเพื่อดูจังหวะในการเข้าซื้อหรือขายออกได้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่นำไปใช้ร่วมกับ Indicator ตัวอื่น ๆ

 

Bollinger Bands Indicator ถูกส้างขึ้นโดย John Bollinger ในช่วงปี 1980 จอห์นเป็นนักวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีชื่อเสียงพอสมควร นอกจากนี้เขายังเป็นนักเขียนอีกด้วย

 

Bollinger Bands ประกอบไปด้วยเส้น 3 เส้น

  1. Upper band (Deviation Line)
  2. Middle band (MA Line)
  3. Lower band (Deviation Line)

 

Time frame ไหนดีที่สุด สำหรับ Bollinger Bands

จริงๆแล้ว การเลือก Time frame นั้น มันขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของเทรดเดอร์แต่ละคน

  • เทรดเดอร์สาย Scalping ที่เป็นลักษณะของการซื้อ-ขายระยะสั้น เหมาะสำหรับ >>> M5, M15 Time frame >>> เพื่อรายละเอียดราคาที่ถูกต้อง
  • เทรดเดอร์สาย Intraday ที่เปิดการซื้อ-ขายในหนึ่งวัน เหมาะสำหรับ >>> H1,H4 Time frame >>>เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวรายวัน
  • เทรดเดอร์สาย Swing trade ที่เปิดการซื้อ-ขายเป็นรอบๆ โดยที่ใช้เวลามากกว่า 1วัน เหมาะสำหรับ >>> D1 Time frame หรือสามารถต่ำกว่านี้ได้ >>>เพื่อให้ได้ตำแหน่งราคาที่ดีที่สุด
  • เทรดเดอร์สาย Position ที่เป็นลักษณะของการซื้อ-ขายระยะยาว หนึ่งหรือสองเดือนหรือมากกว่านั้น เหมาะสำหรับ >>> W1, MN time frame

 

 

Bollinger Bands เทรดได้ผลลัพธ์ดีในภาวะตลาดแบบไหน?

Bollinger Bands ทำงานได้ดีในตลาด Sideways

 

2. RSI (Relative Strength Index)

RSI Indicator เป็นเครื่องมือชี้วัดทางเทคนิคประเภท Momentum ใช้สำหรับวัดการแกว่งตัวของราคาว่ามีภาวะการ “ซื้อมากเกินไป” หรือ “การขายมากเกินไป

RSI จะแสดงเป็นออสซิลเลเตอร์หรือ กราฟเส้นในระดับ 0-100 RSI

นอกจากนี้ RSI ยังสามารถระบุจุดกลับตัวของเทรนด์ได้ด้วย

 

วิธีการใช้ RSI ดูการ “ซื้อมากเกินไป” หรือ “การขายมากเกินไป”

  • Overbought “ซื้อมากเกินไป” >>> หากราคาสูงกว่าระดับ 70 แสดงว่ามีการซื้อมากเกินไป
  • Oversold “การขายมากเกินไป”>>>หากราคาต่ำกว่าระดับ 30 แสดงว่ามีการขายมากเกินไป

 

 

RSI ประกอบไปด้วย 3 ระดับหลักๆ

  1. เส้นระดับ 30
  2. เส้นระดับ 70
  3. เส้น RSI

เมื่อราคาขึ้นเกินระดับ 70 หรือต่ำกว่าระดับ 30 มีแนวโน้มความเป็นไปได้ว่าจะสิ้นสุดเทรนด์ในไม่ช้า และราคาจะมีการกลับตัวในที่สุด

 

หรือสามารถตั้งค่า RSI ในระดับที่ 50

  • ต่ำกว่าระดับที่ 50 (Down trend)
  • สูงกว่าระดับที่ 50 (Up trend)

 

เราสามารถเปิดออเดอร์ Sell, Buy เมื่อราคามีการกลับตัวเข้ามาข้างในจากเส้นระดับ70,30

 

RSI trendline breaks

เทคนิคนี้คือการติดตามพฤติกรรมของเส้น RSI เอง โดยใช้ Trendline เข้ามาช่วย วิธีการลากเส้น Trendline ใน RSI คือให้หาจุดสัมผัสอย่างน้อย 3 จุด หรือมากกว่า และเมื่อเส้น RSI ทะลุ Trendline ก็ถือว่าพฤติกรรมราคาไปเปลี่ยนไป

เทรดเดอร์หลายคนจะรอจังหวะที่ RSI ทะลุ Trendline ไปพร้อมๆ กับการ Break Trendline ในกราฟราคาด้วย

 

  • ตรงจุดตัดกันของเส้น Trendline เป็นตำแหน่งที่ดีในการเปิดออเดอร์ Buy, Sell แต่ถ้าจะให้มั่นใจมากขึ้นควรใช้คู่กับ Indicator ตัวอื่นๆด้วย

 

วิธีการใช้ อินดิเคเตอร์ทั้ง 2 ในการซื้อ-ขายให้มีประสิทธิภาพ

Bollinger Bands & RSI Trendline break

 

เปิดออเดอร์ขาย (Long)

  1. ราคาเป็นเทรนด์ขาลง
  2. ราคาต่ำกว่าหรือออกนอกกรอบเส้น Lower band (Bollinger Bands)
  3. รอแถบที่ปิดสูงกว่า
  4. มีการ Break Trendline ของเส้น RSI ที่ต่ำกว่าระดับ 30 (Oversold)
  5. เปิดออเดอร์ Buy ที่จุดตัดกันของเส้น Trendline ( RSI )
  6. Stop loss ในระดับเส้น Lower band (Bollinger Bands)

 

 

เปิดออเดอร์ซื้อ (Short)

  1. ราคาอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น
  2. ราคาสูงกว่าหรือออกนอกกรอบเส้น Upper band (Bollinger Bands)
  3. รอแถบที่มีการปิดต่ำกว่า
  4. มีการ Break Trendline ของเส้น RSI ที่สูงกว่าระดับ 70 (Overbought)
  5. เปิดออเดอร์ Sell ที่จุดตัดกันของเส้น Trendline ( RSI )
  6. Stop loss ในระดับเส้น Upper band (Bollinger Bands)

 

 

Source