7 แนวคิดพิชิต 15 ล้าน$ จากการเป็น Day Trader

เรื่องPatihanUhas

Day Trader
7 แนวคิดพิชิต 15 ล้าน$ จากประสบการณ์ตรงในฐานะ Day Trader บทความนี้ได้มาจาก YouTube ช่อง Umar Ashraf  และในวิดีโอนี้เขาได้มาพูดถึง(เคล็ดไม่ลับ) 7 ข้อ ในการสร้างรายได้ $15 ล้านจากประสบการณ์ตรงในฐานะ Day Trader ที่เทรดมาแล้วมากกว่า 10 ปี (ซึ่ง 2-3 ปี แห่งการเริ่มต้นก็ยังถือว่าขาดทุนเยอะกว่ากำไร)

 

7 แนวคิดพิชิต 15 ล้าน$ จากการเป็น Day Trader

 

7 วิธีสร้างรายได้ $15 ล้านในฐานะ Day Trader

  1. ไม่จำเป็นต้องเข้าเทรดทุกวัน
  2. เรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับตลาด
  3. ตั้งเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้
  4. ให้ความสำคัญกับจัดการจัดการความเสี่ยงและยอมรับความเสี่ยงได้
  5. ให้ความสำคัญในการจดบันทึกการซื้อ-ขาย
  6. มีกลยุทธ์ที่ดี และทำตามแผนการซื้อ-ขายที่ได้วางไว้
  7. จิตวิทยาในการซื้อ-ขายและการจัดการอารมณ์

 

 

1. ไม่จำเป็นต้องเทรดทุกวัน

เราไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าเทรดในทุกวัน เพียงแค่รอดูจังหวะเข้าที่มีประสิทธิภาพก็พอ ไม่ใช่ว่าการเข้าเทรดทุกวัน จะสามารถสร้างรายได้ในทุกวันได้ เพราะว่าบางวันตลาดอาจจะเป็นใจให้เราบางวันอาจจะไม่ มันล้วนแล้วขึ้นอยู่กับตลาดทั้งหมด

 

ตลาดจะยังคงดำเนินต่อไป นำเสนอโอกาสที่แตกต่างกันออกไป อยู่ที่ว่าเทรดเดอร์แต่ละคนมีวิธีและมีมุมมองต่อการเทรดอย่างไร  สิ่งที่เราควรทำคือระบุวิธีในการซื้อ-ขายว่า

  • กลยุทธ์ของเราคืออะไร ? (เราจะเปิดออเดอร์ตอนไหน? หรือว่าเราจะเปิดออเดอร์เมื่อเห็นสัญญานคอนเฟิร์ม)
  • ในกรณีที่ตลาดเป็นไปไม่ตามแผนที่คาดไว้ ก็ให้นิ่งไว้ก่อน รอดูจังหวะเข้าที่มีโอกาสชนะสูง

 

ข้อเสีย คือ

ยกตัวอย่าง Umar นั่งอยู่หน้าคอมนานกว่า 5 ชม.  รอจังหวะเข้าเทรด แต่มันยังไม่เจอ เขาจึงมีชุดความคิดที่ฝุดขึ้นมาว่า “ทนไม่ได้แล้ว!! นั่งรอดูสัญญาณเข้ามา 5-6 ชั่วโมงไม่เจออะไร เสียเวลาเปล่า จึงทำการเปิดออเดอร์ซื้อ – ขายเลยดีกว่า”

 

แน่นอนอยู่แล้วว่ามีโอกาสที่จะขาดทุนมากกว่าได้กำไร และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

 

2. เรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับตลาด

ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา Umar ได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการเทรด

  • ได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของตลาดในทุกๆ ปี
  • ได้รู้ว่าตลาดก็มีฤดูกาลของมัน

ดังนั้น ในลักษณะที่ตลาดเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ มันอาจจะไม่เกิดขึ้นในอีกหลายเดือนข้างหน้า ตลาดมันจะมีช่วงฤดูกาลของมัน

 

ยกตัวอย่างคือ ว่าเข้าเทรดช่วงนี้ด้วยกลยุทธ์นี้แล้วสามารถทำกำไรได้ดี

 

สิ่งที่เราควรทำคือ ปรับกลยุทธ์, ปรับตัว, เปลี่ยนโฟกัส เพื่อให้สอดคล้องกับตลาด รู้ว่าช่วงนี้ควรเทรดยังไงเพื่อที่สร้างโอกาสในการทำกำไรได้สูง

 

ยกตัวอย่าง Umar ได้ เทรดได้กำไรอย่างดีงามทั้งเดือน ทั้งสัปดาห์ เขาก็เลยคิดว่าโมเมนตัมมันจะเป็นแบบนี้แหละ แต่แล้วตลาดก็เปลี่ยนทิศทาง

 

3. ตั้งเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้

ความผิดพลาดที่ผ่านมาของ Umar คือ การตั้งเป้าไว้ที่ “ตัวเงิน” ตั้งเป้าไว้สูงเกิน..ไม่สมจริง การตั้งเป้าหมายเกินจริง.. เปรียบดั่งเป็นความหวังที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน และความกดดันนำพามาซึ่งความโลภและความกลัว

 

การตั้งเป้าหมายที่ดี คือการตั้งเป้าหมายที่เราสามารถควบคุมได้ และจับต้องได้ ในทุกวันๆที่เราทำการเทรด  เราอาจจะสร้างเป้าใหญ่ก่อน และ ย่อยมาเป็นรายเดือน รายวัน ที่เสามารถควบคุมได้

 

ยกตัวอย่างเช่น

  • เปลี่ยนจาก ฉันต้องการทำเงิน $1-2 แสน ภายในปีแรกที่เทรด มาเป็น ภายในปีนี้ฉันต้องพัฒนาเปอร์เซ็นการชนะให้สูงขึ้น
  • ภายในปีนี้ฉันต้องพัฒนา Risk & Reward
  • ภายในเดือนนี้จะไม่ให้ขาดทุนมากกว่า 10%

 

4. การจัดการความเสี่ยงและยอมรับความเสี่ยงให้ได้

สิ่งเดียวที่สำคัญมากที่สุดในการเทรดเพื่อให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนในตลาดนี้ คือ การจัดการความเสี่ยง

 

ดังนั้น ทุกครั้งในการซื้อ- ขาย สิ่งเดียวที่เราสามารถควบคุมได้ก็ คือ “จำนวนเงินที่เรายินดีจะเสีย หากเราทำผิดพลาด”

 

คำนวณและวิเคราะห์ให้รอบคอบในแต่ละการเทรด โฟกัสไปที่เปอร์เซ็นชนะสูงกว่าขาดทุน

 

5. ให้ความสำคัญในการจดบันทึกการซื้อ-ขาย

เราควรติดตาม บันทึกและวิเคราะห์ทุกๆการซื้อ-ขายอย่างละเอียด เพราะว่าสิ่งนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญมากในการยกระดับทักษะการเทรดของเราให้ดียิ่งๆขึ้นไป “อย่ามองว่าเป็นการเสียเวลา เพราะว่าสิ่งที่ได้กลับคืนมานั้นคุ้มค่ายิ่งกว่าสิ่งใด”

 

ยกตัวอย่างข้อดีของการจดบันทึก

  • การจดบันบึกทำให้รู้ว่ากลยุทธ์ใดใช้ได้ผลและไม่ได้ผล
  • การจดบันทึกสามารถพัฒนาทักษะได้อย่างตรงจุด
  • การจดบันทึกทำให้รู้ข้อดีและข้อเสียของตัวเอง

 

6. มีกลยุทธ์ที่ดี และทำตามแผนการซื้อ-ขายที่ได้วางไว้

การมีกลยุทธ์ที่ดี ได้มาจากวิเคราะห์ของการจดบันทึกการซื้อ-ขาย จนกลายมาเป็นบทสรุป เป็นคู่มือการเทรดในแบบฉบับของตัวเราเอง

 

ขั้นตอนในการหากลยุทธ์ที่ดี

  1. ทำการจดบันทึกการซื้อ-ขายแต่ละครั้งอย่างละเอียด
  2. สรุปผลลัพธ์ ที่มาจากการบันทึก เมื่อเรารู้ข้อดี ข้อเสียของตัวเอง, รู้ว่ากลยุทธ์ไหนใช้ได้ดีในตลาดแบบไหน, รู้ว่าตลาดมีโครงสร้างอย่างไร,
  3. วางแผนคู่มือการเทรด ในแบบฉบับของเราเอง
    • เกณฑ์การเข้าเทรดคืออะไร
    • เกณฑ์ในการออกจากตลาดคืออะไร
    • ETC,……
  1. ทำตามแผนกลยุทธ์ที่ได้วางไว้

 

7. จิตวิทยาในการซื้อ-ขายและการจัดการอารมณ์

สิ่งที่สำคัญกับการเทรดมากที่สุด คือ “อารมณ์”  มีคำสอนมากมายเกี่ยวกับจิตวิทยาในการเทรด ครั้งหนึ่ง Umar บอกว่าเขาเคยได้ยินเทรดเดอร์คนหนึ่งพูดว่า “เราต้องกำจัดอารมณ์ของเราออกไป ในขณะที่เทรด”

 

ซึ่งในตัวของ Umar เอง มองว่า เราไม่สามารถกำจัดหรือบังคับอารมณ์ของตัวเองได้ เพราะว่าเขาเคยพยายามลองเทรดเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึก แต่ผลปรากฏว่า กดดันยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีก

 

Umar แนะนำคือ เราต้องมีการจัดการการกับอารมณ์ เช่น เราเข้าใจอารมณ์ที่เกิดขึ้นและเรายอมรับตัวเอง สิ่งนี้มันทำให้เราเข้าใจตัวเองให้มากขึ้น และสามารถรับมือได้ในอนาคต

  • จดบันทึกอารมณ์ไว้อย่างละเอียดเมื่อเราต้องเผชิญกับสภาวะเหล่านั้น
  • ยกตัวอย่างเช่น เทรดขาดทุน ตอนนั้นลึกๆแล้วรู้สึกอย่างไร และตัวเราเองมีปฏิกริยาตอบสนองอย่างไร กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
  • ทริกที่ Umar ใช้ในการจัดการกับอารมณ์ที่มาจากการขาดทุนก็คือ จินตนาการว่านี้เป็นส่วนหนึ่งของเกมส์ นี้คือหนึ่งการเทรด และยังมีอีก 100 การซื้อ-ขายที่รอเราอยู่ในอนาคต คิดว่ามันเป็นการเทรดระยะยาว เพียงแต่สิ่งที่ต้องทำเลยคือการบริหารความเสี่ยง
  • ทำให้ทุกๆการเทรดไม่ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาของเรา

 

Source