ประวัติ Stanley Druckenmiller ได้กำไรมาตลอด 30 ปี เทรดค่าเงิน ด้วย

เรื่องPatihanUhas

ประวัติ Stanley Druckenmiller

ประวัติ Stanley Druckenmiller ได้กำไรมาตลอด 30 ปี เทรดค่าเงิน ด้วย ด้วย “สแตนลีย์ ดรัคเคน มิลเลอร์” (Stanley Druckenmiller)  เทรดเดอร์ Forex และผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับมหาเศรษฐีที่มีชื่อเสียง

 

สารบัญ

ประวัติ Stanley Druckenmiller ได้กำไรมาตลอด 30 ปี

 

“นักลงทุนที่ดีไม่ได้ประสบความสำเร็จเพราะความฉลาด แต่เป็นเพราะวินัย”

สแตนลีย์ ดรัคเคน มิลเลอร์

 

 

ข้อมูล Stanley Druckenmiller เบื้องต้น

  • สแตนลีย์ ดรัคเคนมิลเลอร์ เป็นผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่มาเป็นเวลา 30 ปี ตอนนี้เขาดูแลการเงินในสำนักงานธุรกิจครอบครัว
  • เขาทำงานให้กับจอร์จ โซรอส จนถึงปี 2000 ทั้งคู่มีชื่อเสียงในการเดิมพันกับเงินปอนด์อังกฤษในปี 1992 และทำกำไรมหาศาล
  • เขาก่อตั้งกองทุน Duquesne Capital ขึ้นชื่อในปี 1981 ด้วยวัยเพียง 28 ปี และปิดกองทุนในเดือนสิงหาคม 2010 มูลค่า 12 พันล้านดอลลาร์ เพื่อคืนเงินให้กับลูกค้า
  • สแตนลีย์ ดรัคเคน มิลเลอร์ คือผู้ที่ทำกำไรจากการเทรดได้ 30 ปีติดต่อกัน
  • จากชายผู้ถ่อมตัวสู่มหาเศรษฐีพันล้าน “สแตนลีย์ ดรัคเคน มิลเลอร์” คือตำนานของ wall street ด้วยวินัยและกลยุทธ์การลงทุนที่แหวกแนวของเขา

ประวัติ Stanley Druckenmiller

 

เส้นทางชีวิตของ Stanley Druckenmiller

Stanley Druckenmiller ชายผู้สร้างผลงานกำไร 30% เป็นเวลา 30 ปี ตลอดชีวิตของเทรดเดอร์ ชื่อนี้หลายๆ คนอาจไม่คุ้นหูกัน แต่ถ้าหากพูดถึง จอร์สโซรอสทุกคนอาจรู้จัก  ดรัคเคน มิลเลอร์คือคู่หูหรือลูกรักของจอร์จ โซรอส

 

จอร์จ โซรอส ถือเป็นเทรดเดอร์ Forex ระดับโลกที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และความสำเร็จของเขายังส่งต่อไปถึง “สแตนลีย์ ดรัคเคน มิลเลอร์” โดยดรัคเคน มิลเลอร์ นับถือ โซรอสเป็นอาจารย์

 

อันที่จริงแล้วสแตนลีย์ ดรัคเคน มิลเลอร์ ทำงานร่วมกับโซรอสใน Quantum Fund นานมากกว่า 10 ปี แต่เขาก็สร้างชื่อเสียงในฐานะ เทรดเดอร์ Forex ที่ประสบความสำเร็จมากด้วยตัวเอง โดยสามารถทำกำไรได้หลายพันล้านดอลลาร์จากกองทุนของตนเองที่เรียกว่า Duquesne Capital และยังถูกยกให้เป็นเทรดเดอร์แบบ Day trade ที่เก่งที่สุดในโลกคนหนึ่งด้วย

 

กองทุน Duquesne Capital Management ที่อยู่ภายใต้การจัดการของสแตนลีย์ ดรักเกนมิลเลอร์ ได้สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้ถึงปีละ 30% โดยไม่ขาดทุนแม้แต่ปีเดียว แม้ในปีสุดท้ายที่เขาประกาศวางมือ

 

ดรัคเคน มิลเลอร์ได้กล่าวว่าหลักการเทรดเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวของเขานั้นก็คือการกันเงินทุนเอาไว้ แล้วเข้าทำกำไรด้วยเงินจำนวนมากเมื่อผลการเทรดไปได้ดี วิธีการนี้ไม่ได้ใช้การคาดการณ์ตลาด แต่จะไปเน้นตรงที่ปริมาณเงินทุนที่จะเพิ่มเข้าไปในเทรดเพื่อทำกำไรให้ได้มากที่สุด เมื่อคุณกำลังเทรดไปในทิศทางที่ทำกำไร และลดปริมาณเงินลงทุนในเทรดให้น้อยลงเมื่อเห็นว่าไม่ทำกำไรเพื่อจำกัดการสูญเสียให้น้อยที่สุด

 

อีกทั้งเขายังเคยบอกไว้ในบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับหนังสือ ‘The New Market Wizards’ ว่า “มีรองเท้าหลายคู่ให้เลือกใส่อยู่บนชั้นวางรองเท้า จงเลือกใส่เฉพาะคู่ที่พอดีกับเราเท่านั้น

 

เคล็ดลับสู่ความสำเร็จในระยะยาวของดรัคเคน มิลเลอร์ คือ “การหาจังหวะเวลาที่เหมาะสม”

 

ชีวิตในวัยเด็กของ Stanley Druckenmiller

สแตนลีย์ ดรัคเคนมิลเลอร์ เกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1953 ในเมืองฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา เขาเกิดมาในครอบครัวชนชั้นกลาง เขาเป็นเด็กไม่ธรรมดาตั้งแต่อายุยังน้อย ฉลาดและชอบทำอะไรแหวกแนว ไม่เหมือนชาวบ้าน เขาชอบที่จะเรียนรู้จากการกระทำมากกว่าทฤษฎี

 

ตอนเขาเรียนอยู่ชั้นประถมพ่อแม่ของเขาก็หย่าร้างกัน ทำให้เขาต้องอาศัยอยู่กับพ่อของเขาในกิ๊บส์ทาวน์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ และในริชมอนด์ เวอร์จิเนีย (แต่พี่สาวของเขา เฮเลนและซาลี่อยู่กับแม่ในฟิลาเดลเฟีย)

 

ดรัคเคนมิลเลอร์สำเร็จการศึกษาจากCollegiate School เมืองริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย ในปี 1975 เขาได้รับปริญญาตรีสาขาภาษาอังกฤษและเศรษฐศาสตร์จากBowdoin College (ในช่วงนี้เขาเปิดร้านฮอทดอกร่วมกับLawrence B. Lindseyซึ่งต่อมาได้กลายเป็นที่ปรึกษานโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีGeorge W. Bush)

 

ในปี 1975 เขาตัดสินใจเรียนปริญญาเอกทันที ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน แต่ลาออกเมื่อมีโอกาสได้ทำงานที่ธนาคารแห่งชาติพิตส์เบิร์กโดยทำหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์หุ้นน้ำมัน ***เหตุผลที่ลาออก เพราะเขาได้ค้นพบว่าการเรียนปริญญาเอกที่มีแต่ทฤษฎี ไม่ได้มีการปฏิบัติติ ไม่ได้ช่วยให้รวยขึ้นได้ ดังนั้นจึงตัดสินใจลุยตลาดการเงินเองเลยโดยการทำงานให้กับธนาคารแห่งชาติพิตส์เบิร์ก

 

ตอนอายุ 25 เขาได้รับตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหุ้นที่มีอายุน้อยที่สุดในธนาคาร ด้วยความที่เขามีความกล้าที่บ้าบิ่นจึงทำให้ได้รับตำแหน่งนี้ ต่อมา.. ด้วยความเก่งของเขาได้สร้างชื่อเสียงให้เขาดังขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้มีนักลงทุนหลายคนมาจ้างเขาให้เป็นที่ปรึกษาการเงินด้วยค่าตัวที่แพงมาก

 

ชีวิตในการลงทุนของสแตนลีย์ ดรัคเคนมิลเลอร์

ในปี 1981 เขาก่อตั้งกองทุน Duquesne Capital ด้วยวัยเพียง 28 ปีเท่านั้น จนกระทั่งการปิดกองทุนในปี 2010 ได้ส่งมอบผลตอบแทนประจำปีสูงสุดในอุตสาหกรรม อันที่จริง ณ เวลาที่ปิดกองทุน กองทุนมีสินทรัพย์มากกว่า 1,2000 ล้านดอลลาร์ โดยเริ่มต้นกองทุนเปิดด้วยเงินเพียง 1 ล้านดอลลาร์

 

จากความสำเร็จอย่างมหาศาลกับกองทุนและชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นของเขาในวงการนี้ เขาจึงได้รับคำเชิญจากจอร์จ โซรอส พ่อมดการตลาดเพื่อจัดการกองทุนควอนตัม โซรอส มั่นใจในความสามารถของ ดรัคเคนมิลเลอร์ ในการอ่านตลาด

 

จากเหตุการณ์ ที่โด่งดังที่ทั้งคู่ได้ “ทำลายธนาคารแห่งอังกฤษ” โดยการขายเงินปอนด์อย่างหนักจากความไม่แน่นอนของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินอังกฤษและ Deutschmark สกุลเงินของเยอรมัน การซื้อขายในวันเดียวสามารถทำกำไรไปได้ถึง 1 พันล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงแค่วันเดียว

 

ดรัคเคนมิลเลอร์อยู่กับควอนตัมเป็นเวลา 12 ปีก่อนจะลาออกจากตำแหน่งเพื่อทุ่มเทให้กับ Duquesne Capital อีกครั้ง

 

ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาของการซื้อขายหุ้นพื้นเมืองของ Pittsburgh ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 30% และที่น่าแปลกใจยิ่งกว่านั้นคือไม่มีปีใดที่ขาดทุนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ใน 120 ไตรมาสของการซื้อขาย เขาลงทะเบียนขาดทุนเพียงห้าไตรมาสเท่านั้น ผลตอบแทนและสถิติที่มั่นคง ทำให้เขากลายเป็นตำนานการค้าขายสูงสุดที่เค้าทำได้มีมูลค่ามากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์

 

ในแง่ของการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการซื้อขายของเขา ไม่เคยเปิดเผยกลยุทธ์ที่แน่นอนหรือชัดเจน แต่จากบทสัมภาษณ์ของเค้าหลายๆที่ สามารถสรุปออกมาเป็น 7 ข้อดังนี้

 

7 หลักปรัชญาในการลงทุนของสแตนลีย์ ดรัคเคน มิลเลอร์

 

1. ถ้าพบว่าการเดิมพันมีแต้มต่อให้จัดหนัก ถ้ามั่นใจให้จัดเต็ม

เขา ไม่กลัวที่จะทำธุรกิจการค้าขนาดใหญ่และแสดงความเชื่อมั่นอย่างใหญ่หลวงในความคิดของเขา “โซรอสสอนผมว่าเมื่อคุณมีความเชื่อมั่นอย่างมากในการค้าขาย คุณต้องจัดเต็ม” ปรัชญาการลงทุนของดรัคเคนมิลเลอร์ ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราได้รับรู้อยู่เป็นประจำในโลกการเงิน คือเขานั้น “วางไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว แต่เขาระมัดระวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับมัน”

 

ซึ่งหมายความว่าหากคุณแน่ใจว่าจะวางเดิมพันและทุกสิ่งบ่งชี้ว่าความน่าจะเป็นที่จะแพ้นั้นต่ำมาก ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้และเดิมพันทุกอย่างเพื่อให้ได้กำไรสูงสุด

 

2. ลงทุนเพื่ออนาคต ไม่ใช่ปัจจุบัน

คุณต้องลงทุนถึงความน่าจะเป็นในอนาคต จุดแข็งของผมคือการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ แต่ใช้ได้เฉพาะในตลาดเสรี เมื่อตลาดฉลาดกว่าคน นั่นเป็นวิธีที่ผมเริ่มต้น ผมดูตลาดหุ้นว่าหุ้นตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในระดับของกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างไร สังเกตสัญญาณราคาทำงานอย่างไรและจะคาดการณ์ในทิศทางใด

 

3. ความมีวินัยคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จ

นักลงทุนที่ดีจะประสบความสำเร็จไม่ใช่เพราะความฉลาดหรือIQ แต่เพราะพวกเขามีวินัยในการลงทุน แต่ความมีวินัยต้องมีมากกว่าเครื่องจักร เพราะว่าเครื่องจักรที่ได้รับการวิจัยมาอย่างดีสามารถทำให้นักลงทุนทั่วไปจำนวนมากกลายเป็นคนไม่ได้เรื่อง คุณต้องมีสัญชาตญาณและการประเมินสถานการณ์ในแต่ละครั้งเองด้วย

 

4. การลงทุนคือเกมใหญ่เกมหนึ่ง

หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในการเล่มเกมการตลาดนี้ คุณต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่ เปิดใจกว้าง ยืดหยุ่น และแข่งขันได้ ถ้าคุณอยากเอาชนะคนอื่นให้ได้

 

5. ยอมรับการสูญเสีย

ดรัคเคน มิลเลอร์กล่าว “โซรอสเป็นคนรับความสูญเสียที่ดีที่สุดที่ฉันเคยเห็น เขาไม่สนใจว่าเขาจะชนะหรือแพ้ในการค้าขาย หากการเทรดไม่ได้ผล เขามีความมั่นใจเพียงพอเกี่ยวกับความสามารถของเขาที่จะชนะในการเทรดอื่นๆ ที่เขาสามารถเดินออกจากตำแหน่งได้อย่างง่ายดาย”

 

หากคุณมั่นใจอย่างยิ่ง การสูญเสียจะไม่ผลกระทบต่อคุณ ตัดสินใจว่าจะจัดสรรเงินจำนวนเท่าใดในการซื้อขายโดยพิจารณาจาก Risk/Reward และความรู้สึกมั่นใจของคุณ ถ้าคุณเตรียมทุกอย่าง เขาไม่ได้เรียนรู้ว่าอะไรทำให้เงินเยนขึ้นหรือลง หรืออะไรทำให้ตลาดหุ้นขึ้นหรือลง ของขวัญที่ยอดเยี่ยมของโซรอสคือวิธีใช้เลเวอเรจ และจำนวนเงินที่จะลดลงตามความเสี่ยง รางวัลและความรู้สึกมั่นใจของคุณ

 

6. รักษาเงินทุน

สแตนลีย์ ดรัคเคนมิลเลอร์มีแนวทางเหมือนกับโซรอสที่ว่า “จอร์จ โซรอส มีปรัชญาที่ผมยอมรับด้วยว่า วิธีสร้างผลตอบแทนระยะยาวคือการรักษาทุน”

 

7. วิเคราะห์ก่อนเข้าเทรด

“ผมไม่ชอบการใช้ป้องกันความเสี่ยง สำหรับผมถ้าการซื้อขายครั้งนั้น มีสิ่งใดจำเป็นต้องป้องกันความเสี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดการขาดทุน ผมเลือกที่จะไม่เข้าไปมีการเข้าไปซื้อขายในครั้งนั้น”

 

สรุปบทเรียนจากการเทรดของ Stanley Druckenmiller

 

1. มีความมืดหยุ่น

  • ความยืดหยุ่นทางจิตใจ
  • ความยืดหยุ่นในผลลัพธ์
  • ความยืดหยุ่นต่อสิ่งที่ตัวเองควบคุมไม่ได้

 

2. มีความคิดที่อิสระ

  • มีความเป็นปัจเจก บุคลิกชัดเจน หาข้อมูลค้นคว้าคำตอบด้วยตัวเอง
  • มีความเชื่อมั่นในตัวเอง และกล้ารับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง

 

3. มีความอดทนต่อแรงกดดันที่สูง

ในตลาดการเทรดมีการแข่งขันที่สูง ความเครียดและความกดดันกสูงเช่นกัน แต่ถ้าหากเราสามารถอดทนต่อภาวะนี้ได้ ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล

 

4. ไม่หยุดที่จะเรียนรู้

ทำตัวเองให้เป็นน้ำครึ่งแก้ว เป็นนักเรียนตลอดชีพ ไม่เหน็ดเหนื่อยในการหาความรู้ แบ่งเวลาเรียนสิ่งใหม่ๆ

 

5. ต้องรู้จักตัวเองให้ได้มากที่สุด

ศึกษาตัวเอง ทำความเข้าใจตัวเองให้ถึงส่วนลึกที่สุด ตามจิตตัวเองให้ทัน รู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเองตลอด

 

Source