ETF (Exchanged Traded Fund) คือ กองทุนประเภทหนึ่งที่มีนโยบายการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนีหรือราคาสินทรัพย์อ้างอิง เช่น ตราสารหนี้, ดัชนีหุ้น, หุ้น, ทองคำ เป็นต้น
อีทีเอฟคือการผสมผสานระหว่างกองทุนรวมดัชนีกับหุ้น โดยสามารถซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์แบบเดียวกับหุ้น และกระจายความเสี่ยงได้ดีแบบเดียวกับกองทุนรวมดัชนี แตกต่างจากหุ้นตรงที่หุ้นมีความเสี่ยงมากกว่า แต่กองทุนอีทีเอฟกระจายความเสี่ยงดีกว่าและมีผู้ดูแลสภาพคล่อง
ETF คือ
ETF (Exchanged Traded Fund) คือ กองทุนประเภทหนึ่งที่มีนโยบายการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนีหรือราคาสินทรัพย์อ้างอิงต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น
- ดัชนีหุ้นในประเทศ เช่น TDEX (SET50), BSET100 (SET100)
- ดัชนีหุ้นต่างประเทศ เช่น CHINA (CSI300)
- สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น GLD (กองทุน SPDR Gold Trust)
- ตราสารหนี้ เช่น ABFTH (iBoxx ABF Thailand (Net of Tax)
- จุดเด่นของ ETF
กองทุน ETF นำจุดเด่นของหุ้นและกองทุนรวมดัชนีมารวมไว้ด้วยกัน โดยมีมืออาชีพบริหารจัดการแทนคุณ ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อยและกระจายความเสี่ยงได้ดีแบบเดียวกับกองทุนรวมดัชนี แถมยังสามารถซื้อขายแบบเรียลไทม์เหมือนกับการซื้อขายหุ้น
ETF ต่างจากหุ้นอย่างไร
ผลตอบแทนและความเสี่ยง
- หุ้น: ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงสูง
- กองทุน ETF: หลากหลายสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนตั้งแต่ระดับความเสี่ยงต่ำจนถึงระดับความเสี่ยงสูง หากคุณยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ คุณสามารถลงทุนกองทุน ABFTH แต่หากคุณยอมรับความเสี่ยงได้สูง คุณอาจเลือกลงทุนกองทุน GLD, CHINA, UHERO เป็นต้น
การกระจายความเสี่ยง
- หุ้น: การลงทุน 1 หุ้นจะเท่ากับการลงทุน 1 บริษัท
- กองทุน ETF: การลงทุน 1 หน่วยลงทุนอีทีเอฟจะเท่ากับการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ตามดัชนีหรือราคาสินทรัพย์อ้างอิง เช่น หากลงทุนในกองทุน CHINA นั่นเท่ากับคุณลงทุนหุ้น 300 บริษัทชั้นนำของจีน
ผู้ดูแลสภาพคล่อง
- หุ้น: ไม่มีผู้ดูแลสภาพคล่อง
- กองทุน ETF: ผู้ดูแลสภาพคล่องทำให้ราคาซื้อขายของอีทีเอฟสอดคล้องกับการขึ้นลงของดัชนีหรือราคาสินทรัพย์อ้างอิงอยู่เสมอ
ข้อดีและข้อเสียของ ETF
ข้อดีของ ETF
กองทุน ETF มีข้อดีหลายประการ ได้แก่
- กระจายความเสี่ยง: หากคุณลงทุนกองทุน TDEX ที่อ้างอิงดัชนีหุ้น SET50 นั่นเท่ากับว่าคุณลงทุน 50 หุ้นบริษัทชั้นนำของไทย
- ค่าธรรมเนียมต่ำ: น้อยกว่าค่าธรรมเนียมของกองทุนรวมที่มีผู้จัดการกองทุนคัดเลือกหุ้นเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียวกัน
- ซื้อขายแบบเดียวกับหุ้น: สามารถซื้อขายแบบเรียลไทม์บนตลาดหุ้น ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนในกองทุนรวม
- โปร่งใส: คุณสามารถดูข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับกองทุนในแต่ละวัน
ข้อเสียของ ETF
ไม่ชนะตลาด: เป้าหมายของกองทุน ETF คือการสร้างผลตอบแทนล้อไปกับดัชนีหรือราคาสินทรัพย์อ้างอิง เพราะฉะนั้น คุณไม่สามารถคุยอวดใคร ๆ ว่ากองทุนอีทีเอฟของคุณสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าตลาด
ETF เหมาะกับใคร
นักลงทุนที่มีเงินน้อย
หากนักลงทุนต้องการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ด้วยเงินจำนวนไม่มาก ETF ถือเป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจาก 1 หน่วยลงทุนอีทีเอฟเท่ากับการลงทุนหลากสินทรัพย์ตามนโยบายการลงทุนของกองทุน
นักลงทุนมือใหม่
เนื่องจากกองทุนอีทีเอฟสามารถซื้อขายแบบเดียวกับหุ้น แต่มีความเสี่ยงต่ำกว่า ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการเข้าสู่ตลาดหุ้นเป็นครั้งแรก
นักลงทุนระยะยาว
นักลงทุนสามารถลงทุน ETF เพื่อหวังผลตอบแทนระยะยาวในรูปของส่วนต่างของราคาหรือเพื่อรับเงินปันผล
ถึงแม้กองทุนอีทีเอฟจะน่าสนใจและมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเลือกกองไหนก็ได้ หากคุณต้องการลงทุนอีทีเอฟ ผมขอแนะนำให้คุณเลือก
- นโยบายการลงทุนที่ตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุน
- ค่าธรรมเนียมต่ำ
- ผลตอบแทนใกล้เคียงกับสิ่งที่อ้างอิง
- สภาพคล่องสูง
หากคุณชื่นชอบกับการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนเหนือกว่าตลาดและใช้เงินเริ่มต้นไม่มาก ผมขอแนะนำการลงทุนในตลาดเงินตราต่างประเทศหรือที่เรียกว่า Forex และหากคุณไม่ทราบว่า Forex คืออะไร ผมขอแนะนำบทความ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Forex เพื่อให้คุณเข้าใจได้มากขึ้น
Tags:
Author: