นักลงทุนสายเทคนิคมักมีแนวคิดที่ว่าอะไรที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว มักมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอีก ซึ่งนักลงทุนสายเทคนิคจะเชื่อว่า การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นการศึกษาพฤติกรรมมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นผู้กำหนดราคาของหุ้นผ่านการซื้อหรือการขายหุ้น ซึ่งพฤติกรรมของมนุษย์ประกอบไปด้วยหลายสิ่งแต่สิ่งที่ค่อนข้างแน่นอนคือประวัติศาสตร์มักจะซ้ำร้อยกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
4 สิ่งที่ต้องรู้ของนักลงทุนสายเทคนิค
สำหรับ 4 เรื่องที่นักลงทุนสายเทคนิคควรรู้ก่อนไปทำการลงทุนคือ
1. กราฟแบบเส้น
กราฟแบบเส้น หรือ Line Chart เป็นกราฟที่มีรูปแบบเป็นเส้นทึบ มีการลากเชื่อมต่อราคาปิดตลาดในแต่ละวัน ซึ่งกราฟเส้นจะแสดงการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของราคาหุ้น ถือเป็นวิธีการอ่านกราฟหุ้นที่ดูง่าย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ากราฟหุ้นจะมีการอ่านข้อมูลได้ง่ายก็จริง แต่มักไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนักจากนักลงทุนเนื่องจากเป็นกราฟที่ให้ข้อมูลได้ไม่ครบถ้วนเท่ากับกราฟประเภทอื่น ๆ เช่น จุดต่ำสุดและสูงสุดของช่วงเวลา ฯลฯ
2. กราฟแบบแท่ง
กราฟแบบแท่ง หรือ Bar Chart เป็นกราฟที่มีเส้นสามเส้น (แนวนอนสองเส้นประกบกับเส้นแนวตั้งตรงกลาง) ซึ่งเส้นแนวนอนที่อยู่ด้านซ้าย แสดงถึงราคาเปิด และเส้นด้านขวาจะเป็นเส้นแนวนอนที่แสดงถึงราคาปิด ส่วนเส้นแนวตั้งตรงกลางที่อยู่จุดสูงสุดจะเป็นราคาสูงสุด (High) และเส้นแนวตั้งตรงกลางที่อยู่จุดต่ำสุดจะเป็นราคาต่ำสุด (Low)
3. กราฟแบบจุด
กราฟแบบจุด หรือ Point and Figure Chart เป็นกราฟที่มีการแสดงความเคลื่อนไหวของราคาด้วยเครื่องหมาย x และ o โดยเครื่องหมาย x หมายถึงราคาหุ้นขึ้น ส่วนเครื่องหมาย o หมายถึงราคาหุ้นลดลง ซึ่งถือเป็นกราฟที่เข้าใจได้ค่อนข้างยากและไม่เป็นที่นิยมมากนัก
4. กราฟแบบแท่งเทียน
กราฟแบบแท่งเทียน หรือในบางครั้งก็รู้จักกันในนามกราฟแท่งเทียนญี่ปุ่น ถือเป็นกราฟที่ได้รับการนิยม และนอกจากจัดได้ว่าเป็นกราฟที่สามารถดูได้ง่ายแล้ว ยังถือว่าเป็นกราฟที่บอกรายละเอียดได้เยอะอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะทำให้กราฟแบบแท่งเทียนได้รับความนิยม โดยลักษณะของแท่งเทียนจะแสดงโดยที่ถ้ามีราคาหุ้นขึ้น จะโชว์ด้วยแท่งเทียนสีเขียว แต่หากราคาลด จะโชว์ด้วยแท่งเทียนสีแดง แท่งเทียนจะประกอบไปด้วย 3 ส่วน ไม่ว่าจะเป็นแท่งเทียนสีเขียวหรือสีแดงโดยประกอบด้วย
- ไส้เทียนด้านล่าง หมายถึงราคาที่ต่ำสุด (Low)
- เนื้อเทียน ซึ่งเนื้อเทียนก็จะประกอบไปด้วยองค์ประกอบสองส่วนคือ ส่วนบนของเนื้อเทียนและส่วนล่างของเนื้อเทียน สำหรับส่วนบนของเนื้อเทียนคือแสดงราคาปิด และสำหรับส่วนล่างของเนื้อเทียนคือแสดงราคาเปิด
- ไส้เทียนด้านบน หมายถึงราคาที่สูงสุด (High)
สรุปบทความ
สำหรับนักลงทุนสายเทคนิคจะต้องมีการอ่านกราฟให้เป็น และ แต่ละกราฟก็จะมีลักษณะจุดเด่นและจุดด้อยที่ต่างกันไป แต่สำหรับกราฟที่ได้รับความนิยมสูงสุดคงจะหนีไม่พ้นกับกราฟแบบแท่งเทียนที่นอกจากจะมีการอ่านกราฟง่ายแล้วยังมีข้อมูลที่สามารถให้ประโยชน์กับผู้อ่านได้อย่างเพียงพออีกด้วย และใครที่อยากจะหาความรู้เพิ่มเติมสามารถเข้ามากันได้ที่ บทความสำหรับนักลงทุน
Author: