market structure คือ สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างการตลาดผ่านทางกราฟที่มีการแปรผันตามช่วงเวลาต่างๆ ที่สามารถแสดงให้เห็นจังหวะขึ้นลงของราคา เพื่อที่เหล่านักลงทุนทั้งหลายจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงภาพโดยรวมของกราฟ เพื่อใช้ในการประเมิน อัปเดตสถานการณ์ และเป็นการเพิ่มโอกาสในการทำเงินได้เป็นอย่างดี และการศึกษาเรื่อง market structure ให้ลงลึกมากยิ่งขึ้น ก็จะยิ่งช่วยในการเทรดได้อย่างมีระบบได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
Market Structure มีกี่ประเภท
สิ่งสำคัญที่นักลงทุนและนักเทรดจะต้องทำก็คือการติดตาม การวิเคราะห์ และการใช้งานอินดิเคเตอร์ที่จะช่วยวิเคราะห์กราฟ เพื่อเป็นการพิจารณาภาพรวมของการตลาดและโครงสร้าง โดยประเภทของ Market Structure แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
- ตลาดทะลุกรอบ จะเป็นการเคลื่อนที่ของราคาแปรผันแกว่งตัวในกรอบไม่กว้าง มีการพุ่งหรือดิ่งทะลุกรอบ นับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการสร้างกำไร
- ตลาดมีเทรนด์ จะเป็นการตลาดที่มีราคาอยู่ในช่วงขาขึ้น ขาลง หรือก็คือการพิจารณาจากการซื้อหรือการขายที่มหาศาล ที่หากเป็นการได้รับความนิยมก็ยิ่งสามารถสร้างกำไรได้งอกเงยมากยิ่งขึ้น
- ตลาดกลับตัว จะเหมาะกับการตลาดที่นักลงทุนเทรดแบบโมเมนตัม
วิธีอ่าน Market Structure
เมื่อราคาได้สร้าง Highs และ Lows ได้ ก็จะเกิดแนวรับ แนวต้านแบบอัตโนมัติ ที่จะต้องดูร่องรอยเก่า หรือพื้นที่ ที่เกิดขึ้น ถ้าพื้นที่เดียวกันเกิด 2 ครั้งขึ้นไปตามหลัก Technical Analysis ก็จะเรียกพื้นที่แนวรับ แนวต้าน แต่ราคาสร้างพื้นที่ Highs และ Lows ได้ ไม่สมดุล ก็จะเป็นการเทรดแบบ Supply หรือ Demand ซึ่งหลักการรับออเดอร์ทำงานก็จะเป็นแบบเดียวกันทั้งหมด
ข้อดีของการอ่าน Market Structure
ในการอ่าน market structure คือ มีข้อดีหลักๆ ในเรื่องของการสร้างกำไรจากการเทรดได้ง่ายมากๆ เพราะตัวโครงสร้างการตลาดจะมีข้อดีหลายมิติที่จะช่วยทำให้การเทรดเป็นไปอย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น โดยมีข้อดีมากมายดังนี้
การอ่าน Market Structure จะทำให้การเทรดเทรนได้ง่ายขึ้น
ถ้าหากราคาได้มีการเคลื่อนที่ไปสร้าง Highs และ Lows ด้วยการกำหนดเทรด ราคาก็จะมีการเบรก และค่อยไปต่อในราคา Highs และ Lows อีกครั้ง ซึ่งการเบรกนี้ก็จะสามารถเบรกได้ด้วยแบบโมเมนตัมได้ โดยการแสดงกราฟที่ไม่ควรเกิดขึ้นก็คือแบบแท่งเทียน ซึ่งการอ่านจุดแนวรับ แนวต้าน ก็จะทำให้การเทรดเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
การอ่าน Market Structure จะมีความเป็นไปได้สูงเพราะมีแหล่งที่มาของออเดอร์
ในการปิดการเทรดแล้วราคาก็วิ่งไปในทิศทางที่เปิดอยู่ แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่เกินกว่าปกติ หรือก็คือขาดความสมดุล ซึ่งสิ่งนี้จะอยู่ที่ตัวเบรกโมเมนตัม และทิศทางนั้นด้วย โดยการเทรดในลักษณะนี้จะทำให้สามารถเก็บ Data ได้มากมาย และเพิ่มความน่าจะเป็นได้อย่างสูงอีกด้วย
สรุปบทความ
สรุปแล้ว market structure คือ การแปรผันของราคาขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ จึงทำให้ราคามีการดีดเพิ่มสูงปรี๊ดขึ้นหรืออาจจะส่งผลให้ราคามีการลดลงเกินกว่า หรืออาจเคลื่อนไหวแบบนิ่ง ๆ ในบางครั้ง แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นการเคลื่อนไหวของราคาก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะส่งผลต่อโครงสร้างตลาด เพราะจะส่งผลให้ราคาเคลื่อนที่ไปในทางทิศทางต่าง ๆ โดยสามารถเข้ามาศึกษาและทำความเข้าใจได้ที่ forex เบื้องต้น
Author: