9 สาเหตุทำให้ เทรดขาดทุน พังไม่เป็นท่า! หากคุณเป็นคนที่ศึกษาหาความรู้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายมาสักระยะหนึ่งแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากที่คุณจะเคยได้ยินหรือเคยได้เห็นผ่านตา เกี่ยวกับสถิติที่ว่า มีตั้ง 90% ของจำนวนเทรดเดอร์ทั้งหมดที่ล้มเหลว มันก็ไม่แปลกที่เราอาจจะเป็นหนึ่งใน 90% นั้น
9 สาเหตุทำให้ เทรดขาดทุน พังไม่เป็นท่า!
2 สาเหตุหลักๆ เลยที่ทำให้ เทรดเดอร์ล้มเหลว เป็นเพราะว่าพวกเขาขาดข้อได้เปรียบ(กลยุทธ์) และอีกอย่างก็คือขาดการวางแผนที่ดีในการเทรด
อีกสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่คุณจะต้องรู้และจะต้องไตร่ตรองให้ดีว่า ทำไมคุณถึงอยากเทรด ตลาดมีความเคร่งครัดมาก คุณต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง เพื่อเอาชนะมัน ถ้าข้างในตัวคุณขัดแย้งกันเองแล้ว คุณแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเกมส์ด้วยซ้ำ
ถ้าหากคุณอยากเป็น 10% ที่ประสบความสำเร็จในการเป็นเทรดเดอร์ คุณต้องไม่พลาดบทความนี้แล้วแหละ
ในบทความนี้ เราจะพิจารณาสาเหตุที่ใหญ่ที่สุดที่เทรดเดอร์ล้มเหลวทั้งในส่วนของจิตวิทยาและในส่วนของการจัดการกับการเงิน แนะนำแนวทาง สิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อเพิ่มโอกาสในการเป็นเทรดเดอร์ที่สามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืน
Reason 1: Not Having a Trading Plan
บทเรียน 1: ขาดการวางแผนที่ดีในการซื้อขาย (จึงล้มเหลว)
การขาดแผนการเทรด เป็นรากฐานการเกิดของปัญหาส่วนใหญ่ที่คุณมักเจอในตลาด และแผนการเทรดนั้นต้องมีความเหมาะสมกับจิตวิทยาและนิสัยส่วนตัวของคุณ หากปราศจากจิตวิทยาในการเทรดที่ถูกต้องแล้วละก็คุณจะไม่สามารถทนปฏิบัติตามแผนการเทรด เมื่อเจอช่วงเวลายากลำบากในตลาด
การเทรดเป็นอะไรที่ต้องใช้มุมมองในระยะยาวและการวางแผนระยะยาวที่มั่นคง คุณจะต้องใช้ทักษะความน่าจะเป็น ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องศึกษาให้ละเอียดก่อนที่จะลงทุนกับอะไรสักอย่าง…
คุณจะเทรดอะไร, หุ้นตัวไหน , กับบริษัทอะไร, ความน่าเชื่อถือแค่ไหน ,ช่วงเวลาไหน , แนวโน้มความน่าจะเป็นในอนาคต
ถ้าคุณต้องการที่จะแข่งขันกับชายใหญ่ของโลกการค้า ไม่มีเส้นทางอื่นใด ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการเทรดได้ นอกจากมองดูตัวเองในกระจกและตัดสินใจว่าพฤติกรรมการเทรดและกระบวนการทางจิตของคุณ กำลังผลักคุณ ไปในทิศทางที่ถูกหรือผิด
ในการที่คุณจะเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จได้ คุณจะต้องก้าวขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการคิด และทำงาน อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น หากคุณยังคงทำสิ่งเดิมๆ ต่อไปอีก และขี้เกียจ เกินกว่าที่จะเข้าใจปัญหา และแก้ไขได้คุณอาจมีชีวิตแบบเดิมๆ ต่อไปอีก มีเพียงคุณเท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้
การเทรดที่ปราศจากแผนการ เทรดมั่วไปตามอามรณ์.. วันนี้ขี้เกียจ อีกวันขยัน ไม่มีอะไรเป็นกฎเกณฑ์ที่แน่นอน เป็นไปได้สูงมากที่คุณจะประสบกับความล้มเหลว
สำหรับการเทรด (Day Trading and Swing Trading) ความสม่ำเสมอคือกุญแจสู่ความสำเร็จ โดยมีเงื่อนไขว่าแผนการของคุณต้องดีเลิศ
ย้ำอีกครั้งว่า คุณต้องมีแผนการเทรด ที่จับต้องได้ ไม่ใช่แผนการเทรดในใจ เขียนและปรับแต่ง ตามความจำเป็น ตรวจสอบทุกสัปดาห์ เป็นอย่างน้อย
นี่คือสิ่งที่คุณควรทำให้ชัดเจนในแผนการซื้อขายของคุณ ก่อนทำการซื้อขาย:
แนวคิดการซื้อขายประเภทใดที่คุณควรเน้น?
คุณกำลังติดตามเทรนด์หรือแนวทางการพลิกกลับแบบเฉลี่ย หรือรูปแบบการซื้อขายอื่นๆ ที่ไม่ค่อยพบเห็นบ่อย ๆ หรือไม่? จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้องตัดสินใจก่อน เนื่องจากคุณจะได้รับประโยชน์มากมายจากการเรียนรู้ รูปแบบการซื้อขายในแต่ละครั้ง
หากรอบเวลาที่เหมาะสมกับการเทรดในรูปแบบของคุณ
กรอบเวลาของตลาดที่แตกต่างกันนั้นแตกต่างกันอย่างมากในแง่ของลักษณะและประสิทธิภาพการซื้อขาย และในฐานะเทรดเดอร์รายใหม่ คุณควรเรียนรู้ที่จะแลกเปลี่ยนกรอบเวลาหนึ่งดีกว่าการกระโดดจากกรอบเวลาหนึ่งไปยังอีกกรอบเวลาหนึ่ง กรอบเวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นคือกรอบเวลารายวัน
คุณจะซื้อขายในหลักทรัพย์อะไร
คนส่วนใหญ่เริ่มซื้อขายหุ้น และแม้ว่าหุ้นทั้งหมดอาจดูเหมือนเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการที่คุณควรทราบ ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดอาจเป็นได้ว่าระหว่าง “หุ้นปกติ” และ “หุ้นเพนนี” Penny Stock
การมีแผนการเป็นสิ่งที่ดี.. แต่ถ้าขาดความได้เปรียบ.. แผนการที่ดีก็อาจจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่าก็เป็นไปได้
Reason 2: Not Having an Edge
บทเรียน 2: ไม่หาข้อได้เปรียบให้กับตัวเอง (จึงไม่สำเร็จ)
“หาข้อได้เปรียบในการเทรดของตัวเองให้ได้” ตามความเห็นของเรา นี่คือเหตุผลหลักเดียวที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ล้มเหลว จำเป็นอย่างมากที่คุณต้องมีความได้เปรียบ คุณจะไม่สามารถชนะได้เลย
หากปราศจากความได้เปรียบ ต่อให้คุณมีวินัยและมีทักษะการบริหารเงิน หาตัวจับยาก ถ้าคุณไม่มีความได้เปรียบแล้วล่ะก็ การมีวินัยและทักษะการบริหารเงินของคุณ จะสามารถช่วยรับประกันได้แค่ว่า คุณจะไม่หมดตัวอย่างกะทันหัน แต่จะเลือดออกช้าๆจนกระทั่งตายไปเอง
พูดให้เห็นภาพง่ายๆคือ ในฐานะเทรดเดอร์ เป้าหมายของคุณคือแยกข้าวสาลีออกจากแกลบเพื่อค้นหากลยุทธ์การเทรดที่ให้ประสิทธิภาพมากที่สุด
Reason 3: Being Undisciplined
บทเรียน 3: เป็นคนไม่มีวินัย (จึงไม่สำเร็จ)
การขาดวินัยส่งผลเสียมากกว่าที่คุณคิด วินัยในการเทรด หมายความว่าเราต้องทำตามระบบอย่างไม่บิดพลิ้ว ถ้าคุณมีวินัยมากพอ ตลาดจะให้เงินคุณ และอย่าพยายามทนถือหุ้นขาดทุนเพื่อหวังให้มันกลับมาชนะ
แน่นอนว่าหุ้นบางตัวจะกลับมาเป็นผู้ชนะ แต่บางตัวอาจจะไม่เป็นอย่างเราคาดไว้ ถ้าหากเราไม่รีบขายตัดขาดทุน ดื้อดันถือเอาไว้จนเข้าสู่ช่วงวิกฤติ Deep Drawdown เป็นเหตุทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่ลงไปและมีความเสี่ยงที่พอร์ตจะแตก
Reason 4: Too Big Position Size
บทเรียน 4: เทรดล็อตใหญ่เกินตัว(จึงทำให้ขาดทุน)
แม้แต่เทรดเดอร์ที่มีกลยุทธ์และอยู่ในตลาดมานาน(หรือผู้เชี่ยวชาญ) ยังมีโอกาสที่จะขาดทุนได้ หากเทรดในล็อตใหญ่
เพื่อให้เห็นภาพอย่างชัดเจน สมมติว่าปกติคุณเทรดที่มีความเสี่ยงอยู่ 2% ของเงินทุนของคุณ ในแต่ละการซื้อขาย ซึ่งหมายความว่าคุณจะขาดทุน 20% หากมีการขาดทุนติดต่อกัน 10 ครั้ง กลยุทธ์นี้ถือว่าสามารถจัดการกับความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม
แต่ถ้าหากคุณเสี่ยง 10% ต่อการเทรดแต่ละครั้ง ในกรณีนั้น การแพ้แบบเดียวกันจะทำให้คุณหมดตัวหากคุณขาดทุนติดต่อกัน 10 ครั้ง
หนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่เราเผชิญในฐานะเทรดเดอร์คือการสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน ด้านหนึ่ง หากคุณเสี่ยงมากเกินไป คุณอาจถูกกำจัดโดยสิ้นเชิง
ในทางกลับกัน หากคุณเสี่ยงน้อยเกินไป ผลตอบแทนของคุณจะไม่คุ้มกับความพยายาม
Reason 5: Random Reinforcement
บทเรียน 5: ใช้สัญชาตญาณมากเกินไป (จนกลายเป็นการพนัน)
สัญชาตญาณเป็นความรู้สึก คุณอาจเรียกมันว่า สัมผัสที่ 6 มันเป็นกระบวนการที่คุณมีความสามารถที่จะรู้ บางสิ่งบางอย่างโดยตรง โดยไม่ต้องใช้เหตุผลเชิงวิเคราะห์ หรือไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล
ข้อดีของการใช้สัญชาตญาณคือ มันจะช่วยปกป้องไม่ให้คุณสูญเสีย และช่วยส่งเสริมในการสร้างกำไรให้คุณ
ไม่มีหนังสือสอนการเทรดเล่มใด ที่สามารถสอนคุณให้เทรดตามสัญชาตญาณได้ สิ่งนี้คุณต้องเรียนรู้จากตัวเอง และจงระวังไม่ใช้สัญชาตญาณมากเกินไปจนเป็นเหมือนกับการพนัน
การเทรดด้วยสัญชาตญาณ อาจไม่ใช่สำหรับทุกคน เทรดเดอร์บางคน จะมีความเคยชิน การเทรดด้วยสัญชาตญาณนั้น ไม่จำเป็นสำหรับเทรดเดอร์ ที่ประสบความสำเร็จ แต่มันจะช่วยได้มาก หากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่มีสัญชาตญาณ
และเทรดเดอร์ส่วนมากตกหลุมพรางในข้อนี้ ที่เชื่อสัญชาตญาณของตัวเองมากเกินไป
Reason 6: Not Recognizing that Markets Change
บทเรียน 6: ใช้กลยุทธ์เดียวกับทุกตลาดและมีความคิดที่ว่ามันจะให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน
เทรดเดอร์หน้าใหม่หลายคนตกหลุมพรางในจุดนี้ พวกเขามีความเชื่อที่ว่าหากพวกเขาพบกลยุทธ์เดียวที่เหมาะกับพวกเขา นั้นคือเครื่องหมายว่าพร้อมพร้อมแล้วที่จะกระโดดเข้าสู่สนามการเทรดแบบเต็มตัว
ประเด็นคือ ไม่มีกลยุทธ์การซื้อขายใดที่จะคงอยู่ตลอดไป เมื่อกลยุทธ์ของคุณไม่สอดคล้องกับตลาด คุณจะต้องละทิ้งแนวคิดเก่าที่ใช้งานไม่ได้อีกต่อไปหรือปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสม
สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ต้องจำไว้คือ คุณจำเป็นต้องรู้ว่าเมื่อใดควร Stop Loss เพื่อตัดการขาดทุนของคุณก่อนกำหนด เราขอแนะนำให้คุณใช้บันทึกการซื้อขายเพื่อที่จะประเมินความเสี่ยง
Reason 7: Not Keeping a Trading Journal
บทเรียน 7: ไม่จดบันทึกการซื้อขาย(จึงทำให้การเทรดล้มเหลว)
หนึ่งในเหตุผลที่นักลงทุนยังไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากไม่เคยทบทวนความผิดพลาดของตัวเองในการเทรดแต่ละครั้ง หลังเสร็จสิ้นการลงทุนในแต่ละวัน เราควรที่จะจดบันทึกผลการซื้อขายหุ้นในแต่ละครั้งเอาไว้เพื่อที่จะใช้เป็นการวัดผลงานของเราว่ามีความสามารถในการลงทุนเพียงใด
เพราะการลงทุนไปวันๆ การเทรดไปวันๆ โดยไม่มีการประเมินผลงานตัวเองก็เหมือนกับการออกเรือไปในทะเลโดยไม่มีจุดหมาย โดยสิ่งที่ควรบันทึกประกอบไปด้วย
- วันที่ / Date
- ชื่อระบบรักษาความปลอดภัย / Name of security
- จำนวนหุ้น/เงินลงทุนทั้งหมด / Number of shares/Total investment
- คำอธิบายทำไมถึงเข้าซื้อ / Description of trading signals
- คำอธิบายทำไมถึงขายออก / Description of the entry and exit signals
- Stops used พร้อมเหตุผลว่าทำไม / Stops used and reasoning behind them
- กำไร/ขาดทุนทั้งหมดจากการเทรด / Total gain/loss from the trade
Reason 8: Having Unrealistic Expectations
บทเรียน 8: มีความคาดหวังที่ไม่สมจริง
หลุมพรางอีกอย่างของเทรดเดอร์หน้าใหม่คือโดนสื่อหลอกล่อให้เข้าสู่ตลาดการเงิน โดยเห็นโฆษณาว่ามีคนประสบความสำเร็จสร้างผลตอบแทนหลายร้อยเปอร์เซ็นต์หรือพันเปอร์เซ็นต์ต่อปีและสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย
จึงทำให้หลายคนพากันลาออกจากงานประจำแล้วหันเข้ามาสู่การเทรดในตลาดการเงินอย่างเต็มตัว ความจริงก็คือพวกเขาสามารถประสบความสำเร็จได้แต่ต้องใช้เวลา ไม่ใช่รวยเพียงในชั่วข้ามคืน
ตลาดหุ้นคือความไม่แน่นอน ไม่สามารถคาดเดาได้ ไม่สามารถบังคับได้ แต่สามารถป้องกันได้ จงยอมรับความผันผวนของมัน อยู่ร่วมกับมันให้ได้
หากตลาดให้เงินกับคุณก็รันเทรนด์ไปจนสุด หากตลาดร้ายกับคุณก็ให้รีบตัดขาดทุนไป ให้ยืดหยุ่นกับตลาด แล้วชีวิตการเทรดของคุณจะสบายขึ้น
Reason 9: Not Coping With the Psychological Pressure
บทเรียน 9: รับมือกับแรงกดดันทางจิตใจไม่ได้ (จึงทำให้การเทรดล้มเหลว)
เมื่อมองแวบแรก การซื้อขายอาจดูเหมือนเป็นวิธีที่ง่ายในการทำเงิน คุณเพียงแค่สร้างกลยุทธ์การซื้อขายแล้วดำเนินการตามสัญญาณที่ให้มา และก่อนที่คุณจะรู้ตัว คุณก็ทำเงินได้แล้ว
แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากกราฟดิ่งลง ส่งผลให้คุณเครียด การรับมือกับความเครียดและกดดันนั้น สิ่งที่ต้องทำนั้นคือ การวางแผนสำหนับสถานนะการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุน ก็ต้องแผนที่จะรับมือไว้
ถ้ากำไรแล้วมั่นใจมากเกินไป ก็เป็นจุดกำเนิดของการล้างพอร์ตได้เหมือนกัน ฉะนั้น ต้องมีรับมือกับอารม และเน้นทำตามระบบที่วางไว้
อย่างเช่น
- เรียนรู้ที่จะขาดทุนให้ฉลาด ยอมรับการขาดทุน คิดว่าการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ซึ่งทำตามกฎจะช่วยลาการขาดทุนได้
- ถ้าได้หุ้นชนะแล้ว ให้รันจนสุด อย่ารีบขายไวเกิน
- มองเกมส์การเทรด เป็นเกมส์ระยะยาว ไม่ใช่รวยด่วนเหมือนถูกหวย
- อย่าพยายามทนถือหุ้นขาดด้วยความหวังลมๆแล้งๆ
ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในตลาด แต่หากคุณมีจิตใจที่เข้มแข็งพอและเชื่อมั่นในตัวเอง คุณก็จะสามารถผ่านมันไปได้เสมอ ทุกการล้มคือประสบการณ์และความรู้ใหม่ๆ เพื่อให้เราไม่พลาดอีก
Source
https://therobusttrader.com/biggest-reasons-why-traders-fail/
Author: