อดีตขับแท็กซี่ สู่ เทรดเดอร์ระดับโลก 200,000 ล้านบาท

เรื่องPatihanUhas

เทรดเดอร์ระดับโลก

อดีตหาต้องหารายได้จากการขับ TAXI สู่ เทรดเดอร์ระดับโลก ผู้ที่มีทรัพย์สินกว่า 200,000 ล้านบาท จากการประเมินของนิตยสารฟอบส์ ชายคนนั้นคือ Bruce Stanley Kovner บรูซ สแตนลีย์  เคิฟเนอร์

 

อดีตขับแท็กซี่ สู่ เทรดเดอร์ระดับโลก 200,000 ล้านบาท

 

 

หลายสื่อจัดอันดับว่า เขาคือ Top 5 The Best Forex Trader หรือ 5 อันดับ เทรดเดอร์ Forex ที่ยอดเยี่ยมที่สุด

 

อ้างอิงจากเว็ปไซต์ Day trade the world : https://www.daytradetheworld.com/trading-blog/forex-traders-all-time/

 

สรุปสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับบรูซ

 

บรูซ สแตนลีย์  เคิฟเนอร์ เป็นนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่และยังเป็นหนึ่งใน Trader ที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก ปัจจุบันมีมูลค่าสินทรัพย์รวมทั้งหมด  6.2 พันล้านดอลลาร์ (2022)

  • ครอบครัวของบรูซเป็นชาวยิวที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่บรุกลิน (Brooklyn)
  • เป็นผู้ก่อตั้ง Caxton Associates LP https://www.caxton.com/
  • เป็นเจ้าของหรือ CEO ของ CAM Capital https://www.camcapital.com/
  • ปัจจุบันอายุ 75 ปี
  • ในปี 1965 แม่ของเขาแขวนคอตาย
  • มี John F. Kennedy เป็นแรงบันดาลใจ (role model)
  • ได้รับทุนการศึกษาเข้าเรียนมหาวิยาลัยฮาร์วาร์ด
  • รายได้มากจากส่วนใหญ่คือกองทุน Hedge Fund และธุรกิจอื่นๆที่เขาเป็นเจ้าของ
  • นอกเหนือจากบริษัท Caxton Associate แล้ว เขายังมีธุรกิจอื่นๆอีกมากมาย อาทิเช่น ในด้านเภสัชกรรม(syntax Pharmaceuticals), อุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือ (Caxton Alternative Management) และอื่นๆอีกมากมาย
  • บรูซยืมเงิน $3000 มาลงทุนในเทรดแรกของเขา
  • เขาเป็นซุปเปอร์เทรดเดอร์ ที่เน้นการเทรด Forex และ Future
  • เขาเป็นศาสตราจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
  • เขาเป็นคนรักศิลปะที่รู้จักกันดี โดยเป็นนักสะสมหนังสือคลาสสิก งานศิลปะ และผู้ที่ชื่นชอบโอเปร่า
  • เขามีพื้นฐานของวิชาเศรษฐศาสตร์ผนวกกับวิชาด้านการเมือง ทำให้ตัวเขาเองมั่นใจว่าจะสามารถเอาดีในทางการลงทุนได้

 

TimeLine ชีวิต

 

ในช่วงต้นทศวรรษ 1900 ครอบครัวของบรูซเป็นชาวยิวที่อาศัยอยู่ในรัสเซีย หนีการกดขี่ข่มเหงจากคอมมิวนิสต์มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่บรูคลิน นิวยอร์ก บรูซ สแตนลีย์ เคิฟเนอร์ เกิดในปี 1946 วันที่25 เดือนเมษายน

 

 ในปี 1953

บรูซ สแตนลีย์ เคิฟเนอร์  เกิดและเติบโตที่บรูคลิน ในเมืองนิวยอร์ก เขามีพี่น้องร่วมกันอยู่ 3 คน รวมพ่อแม่ครอบครัวนี้มีด้วยกันทั้งหมด 5 คน และในปี 1953 นี่แหละ ทั้งหมดก็ได้ย้ายไปอยู่ชานเมืองลอสเองเจลิส

 

บรูซได้เข้าเรียนมัธยมที่ Van Nuys High School ในลอสแองเจลิส บรูซเป็นคนฉลาดมีไหวพริบและมีทักษะความเป็นผู้นำมาตั้งแต่เด็ก

 

ตอนเขาอายุได้16 ปี ก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นประธานนักเรียน นอกเหนือจากการเรียนที่เป็นเลิศแล้ว เขาก็ยังมีความสามารถในด้านกีฬา(นักบาสเกจตบอล)และดนตรี(เปียโน)อีกด้วย

 

ในปี 1962

บรูซ สอบชิงทุนได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด Harvard คณะศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง บรูซเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของนักวิชาการสายอนุรักษ์นิยมชื่อดัง ดร. เอ็ดเวิร์ด แบนฟิลด์

 

ในปี 1965 เป็นช่วงเวลาที่แม่ของเขาฆ่าตัวตายโดยการผูกคอในบ้านที่ใน Van Nuys ซึ่งมันก็ทำให้เขาเสียใจไม่น้อย

 

ในปีช่วงระหว่างนี้ 1962–1969  Dr. เฮลมุท เวย์มาร์ ผู้ทำงานวิจัยเรื่อง ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทโกโก้ ได้ก่อตั้งบริษัทที่ใช้หลักการค้าสินค้าโภคภัณฑ์แบบใช้คอมพิวเตอร์วิเคราะห์ ที่มีชื่อว่า Commodities Corp.

 

ที่ออกสตาร์ทด้วยการขาดทุน และกำไรในอีก 8 ปีต่อมา ด้วยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ 85 ต่อปี ซึ่งตอนนี้บริษัทดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ Goldman Sachs ไปแล้ว รายได้หลักล้านล้านบาท ในปี 2563

 

โดยการจ้างพนักงานที่สุดปลื้มของนายเวย์มาร์ คือการจ้างนักศึกษาจิตวิทยา ที่ชื่อว่า ไมเคิล มาคัส ซึ่งทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม จึงให้โอกาสนายมาคัสสามารถจ้างผู้ช่วยได้หนึ่งท่าน และ ผู้ที่นายมาคัส จ้างมาเป็นผู้ช่วยของเขา

 

ได้แก่ บรูซ คอฟเนอร์ ที่เขาแซวกับนายเวย์มาร์ว่า จะเป็นประธานของ Commodities Corp คนต่อไป ทั้งเวย์มาร์และมาร์คัสชื่นชอบบรูซ คอฟเนอร์ตั้งแต่แรกเห็น และ ก็ประสบความสำเร็จในการลงทุนด้วยการหากำไรได้เป็นล้านๆ ดอลลาร์ให้กับบริษัท มาร์คัสได้เคยให้สัมภาษณ์ชมบรูซ คอฟเนอร์ว่า

 

“ถ้าคุณต้องการหาใครสักคนที่เปิดรับต่อสิ่งต่างๆ ได้ตลอด นั่นคือองค์ประกอบของ Trader ที่ดี ผมเห็นองค์ประกอบเหล่านั้นในตัว บรูซ คอฟเนอร์ ในทันที”

 

คุณลักษณะที่สำคัญ ได้แก่ ego strength หรือความเชื่อมั่นตัวเอง ที่จะยอมรับความผิดพลาดของตนเองและไม่พิศมัยกับความคิดและแนวทางการลงทุนที่นิยมในตอนนั้น

 

เนื่องจากนายคอฟเนอร์เคยกล่าวว่า เขามีความสามารถที่จะจินตนาการโลกในรูปแบบต่างๆ จากวันนี้ไป และเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ ด้วย นอกจากนี้ เขายังมีความมีเหตุมีผล และมีวินัยภายใต้ความกดดันเมื่อมีสิ่งใดมารบกวน หรือที่เรียกว่า emotional equilibrium และเมื่อรู้สึกว่าควรจะเปลี่ยนความคิดของตนเอง ตัวเขาก็จะปิด position ของตนเองทั้งหมด

 

ในปี 1970

บรูซ  ยังเรียนไม่จบปริญญาเอก เขาเลือกจะพักจากการเรียน ไปรณรงค์ทางการเมืองและในฐานะผู้ช่วยรัฐสภา ศึกษาวรรณกรรมงานเขียน ศึกษาฮาร์ปซิคอร์ด และแม้กระทั่งในบางช่วงก็กลายเป็นคนขับแท็กซี่

 

ภายในปีนี้แหละบรูซในวัย 27 ปี เขาเริ่มเห็นโอกาสในการลงทุนในการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ และก็ยังได้เจอกับซาราห์ ปีเตอร์ ภรรยาคนแรกของเขา

 

ในปี 1973-2007

ช่วงหลังจากนี้บรูซมีลูกสามคนและแต่งงานสองครั้ง

 

ในปี 1973 เมื่ออายุ 28 ปี เขาแต่งงานครั้งแรกกับศิลปิน ซาราห์ ปีเตอร์ ในพิธีของชาวยิวในคอนเนตทิคัต  และในปี 1998 พวกเขาก็ได้อย่าร้างกัน

 

ในปี 2007 เขาแต่งงานกับซูซี่ แฟร์ไชลด์ ลูกสาวของโรเบิร์ต แฟร์ไชลด์ และหลานสาวของหลุยส์ แฟร์ไชลด์

 

ธุรกิจของที่บ้านนี้คือ Fairchild Fashion Media  https://en.wikipedia.org/wiki/Fairchild_Fashion_Media

 

ในปี 1977

ในช่วงนี้บรูซเรียนรู้ลองเทรดหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจเป็นเงินเย็นญี่ปุ่น , Standard & Poor’s500 , สินค้าโภคภัณฑ์ (ถั่วเหลือง) ต่างๆมากมาย

 

และบทเรียนของเขาอีกอย่างในครั้งนี้ก็คือ การซื้อขายล่วงหน้าในสินค้าโภคภัณฑ์ (ถั่วเหลือง) มูลค่า 3,000 ดอลลาร์ (เงินที่ยืมจากบัตร Mastercard)

 

การลงทุนนี้เติบโตขึ้นชั่วขณะหนึ่งเป็น 43,000 ดอลลาร์และลดลงเหลือประมาณ 20,000 ดอลลาร์ เขาตัดสินใจขายมันแล้วกลัวว่าราคาอาจจะลดลงไปอีก

 

การสูญเสียผลกำไรมากกว่า 50% อย่างรวดเร็ว ได้สอนบทเรียนแรกของเขาเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงซึ่งเขาจำได้จนถึงตอนนี้  (ซึ่งจริงๆแล้วเขาควรจะได้กำไร40k แต่เขาก็ได้แค่17k )

 

ต่อมาเขาได้ร่วมงานกับ Commodities Corporation (financial services company)ในฐานะผู้ค้าและได้รับการฝึกฝนภายใต้ Michael Marcus ผู้จัดการการลงทุนที่มีชื่อเสียง

 

เมื่อได้เรียนรู้บทเรียนเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ถั่วเหลืองมาแล้ว บรูซจึงใช้กลยุทธ์เชิงนวัตกรรมที่ทำให้เขามีรายได้นับล้านในช่วงสองสามปีแรกที่บริษัท สิ่

 

งนี้ทำให้เขาได้รับความเคารพและทำให้เขามีชื่อเสียงในฐานะTrader ผู้เชี่ยวชาญ

 

ในปี 1983

เขาออกจาก Commodities Corporation เพื่อไปประกอบอาชีพเดี่ยว เขาทำให้ความฝันของเขาเป็นจริงเมื่อเขาก่อตั้งบริษัท Caxton Associates (Fund management company Caxton Associates เป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับโลกที่ก่อตั้งโดย Bruce Kovner ในปี 1983 ในนิวยอร์กซิตี้ สำนักงานใหญ่ของบริษัทตั้งอยู่ในลอนดอน)

 

บริษัทประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ที่จุดสูงสุดเลย มีรายงานว่ามีเงินทุนถึง 14 พันล้านดอลลาร์

 

ในปี 1996

บรูซได้ก่อตั้งมูลนิธิ The Kovner Foundation  https://www.thekovnerfoundation.org/ ในปี 1996 เป็นองค์กรการกุศล

 

เพื่อสนับสนุนองค์กรที่ส่งเสริมความเป็นเลิศทางศิลปะและการศึกษา การริเริ่มที่ปกป้ององค์กรเอกชนและปกป้องสิทธิส่วนบุคคล และการศึกษาเชิงวิชาการและการวิจัยที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับหลักการประชาธิปไตยของอเมริกา

 

ในปี 2008

Caxton Associates เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้นำระดับโลกด้านการวิจัยตลาดโลกและการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ มาไกลตั้งแต่ก่อตั้งโดย บรูซ  เคิฟเนอร์ ในปี 1983

 

31 ปีต่อมา กองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับโลกมีสำนักงานใหญ่ใน ลอนดอน

 

ในปี 2008 บริษัทได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างเมื่อผู้ก่อตั้ง บรูซ  เคิฟเนอร์ แต่งตั้ง Andrew Law เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน (แอนดรูว์ เอริค ลอว์  เกิดในเดือนมิถุนายน 1966 เป็นนักการเงินชาวอังกฤษ แม่เป็นพยาบาล พ่อเป็นวิศวกรเครื่องกล)

 

แอนดรูว์เป็นกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าของ FICC ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Goldman Sachs (Investment banking company https://www.goldmansachs.com ) ซึ่งซื้อขายในลอนดอน

 

ในปี 2011

ในเดือนกันยายน 2011 บรูซ เคิฟเนอร์ ประกาศลาออก(เกษียณ)จากตำแหน่ง CEO ที่ Caxton Associates แอนดรูว์ เข้ารับตำแหน่งประธาน ดูแลหุ้นส่วนและควบคุมการทำงานทั้งหมดของบริษัท

 

ในปี 2012

บรูซเป็นคนใจบุญที่รู้จักกันดี เขาเป็นคนรักศิลปะที่รู้จักกันดี โดยเป็นนักสะสมหนังสือคลาสสิก งานศิลปะ และผู้ที่ชื่นชอบโอเปร่า คาดว่าเขาได้มอบโครงการและสถาบันศิลปะหลายล้านคนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือโรงเรียน Juilliard ซึ่งเขาบริจาคเงิน 20 ล้านดอลลาร์ ในปี 2012 เพื่อสนับสนุนการแสดงทางประวัติศาสตร์ในหลักสูตรบัณฑิตศึกษา

 

เขาให้ทุนสนับสนุนการขยายศูนย์ลินคอล์นและแม้แต่การแปลและการพิมพ์ฉบับพระคัมภีร์

 

นอกจากนั้น บรูซยังก่อตั้งทุนการศึกษาทางเลือกของโรงเรียนซึ่งให้การสนับสนุนทางการเงินแก่นักเรียนที่ด้อยโอกาสในนิวยอร์กซิตี้

 

บรูซมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ Nick Cheney, Richard Perle และผู้นำทางการเมืองคนอื่นๆ ทั่วโลก ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นประธานคณะกรรมาธิการของสถาบันวิสาหกิจอเมริกัน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่รวบรวมเครือข่ายอันยอดเยี่ยมในธุรกิจและตำแหน่งทางการเมืองแก่เขา ในปี 2012 บรูซมีส่วนอย่างมากในการรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของมิต รอมนีย์

 

ความสัมพันธ์ทั้งหมดเหล่านี้มีส่วนอย่างมากต่อความสัมพันธ์และเครือข่ายเหล่านี้ในธุรกิจ และท้ายที่สุดทำให้เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

 

เทรดเดอร์ระดับโลก 

 

กลยุทธ์การลงทุน ของบรูซ สแตนลีย์  เคอฟเนอร์

 

1. การติดตามผลเป็นสิ่งสำคัญ

บรูซกล่าวว่า เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนที่จะต้องติดตามและวิจัยผลทางการเงินจำนวนมากอย่างละเอียด ถี่ถ้วน เช่น หุ้น น้ำมันดิบ ความน่าจะเป็น อัตราแลกเปลี่ยน และทองคำ

 

ก่อนตัดสินใจลงทุน “ควรจะมีการติดตามผลและวิจัยเป็นระยะเวลาหนึ่งปี จะดีกว่า ถ้าคิดจะลงทุนในเงินจำนวนมาก” เขากล่าว

 

 

2. ลดการสูญเสียให้น้อยที่สุดหากไม่มีความชัดเจน

หากแนวโน้มของตลาดไม่เป็นไปตามที่คุณคาดหวัง ควรขายทันทีเพื่อลดกรขาดทุน อย่าแบกรับความสูญเสียที่เกิดจากตลาดที่คุณไม่ชัดเจน

 

 

3. ให้ความสำคัญของการวิเคราะห์พื้นฐานและทางเทคนิค

บรูซ กล่าวว่า การวิเคราะห์พื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคมีบทบาทสำคัญมากในความสำเร็จของ Trader  “สำหรับฉัน การวิเคราะห์ทางเทคนิคก็เหมือนเทอร์โมมิเตอร์

 

นักวิเคราะห์ที่พูดว่า พวกเขาจะไม่สนใจแผนภูมิใด ๆ ก็เหมือนกับแพทย์ที่บอกว่าเขาจะไม่วัดอุณหภูมิของผู้ป่วย แต่แน่นอนว่านั่นจะเป็นความโง่เขลาอย่างแท้จริง”

 

4. ตั้งค่า Stop Loss

บรูซ กล่าวว่านักลงทุนควรตั้งค่า Stop Loss เพื่อป้องกันการขาดทุนมากเกินไป ถ้าทำแบบนี้แล้ว จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นนอนหลับแบบไม่ต้องกังวลอะไร เสียเท่าที่อย่างจะเสีย

 

 

5. มีระเบียบวินัย

บรูซ กล่าวว่าหากมีวิสัยทัศน์มองภาพแห่งความสำเร็จ โฟกัสและมุ่งมันและมีวินัยกับมัน ฝึกมองหาโอกาสอยู่เสมอ แล้วคุณจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

 

 

6. ใช้จินตนาการมองหาโอกาส

บรูซ กล่าวว่าหนึ่งในคุณสมบัติที่ดีที่สุดของเทรดเดอร์ คือการจินตนาการถึงสถานการณ์การซื้อขายในแบบอื่น มองภาพในอนคต มันจะเริ่มชัดขึ้นและนำไปทางคุณไปสู่ความสำเร็จ

 

“ฉันพยายามสร้างภาพจิตหลายๆ ภาพ ว่าโลกควรเป็นอย่างไร และรอให้ภาพใดภาพหนึ่งได้รับการยืนยัน คุณพยายามต่อไปทีละครั้ง ภาพเหล่านี้ส่วนใหญ่จะผิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

กล่าวคือ มีเพียงไม่กี่องค์ประกอบของภาพเท่านั้นที่อาจพิสูจน์ได้ว่าถูกต้อง แต่ทันใดนั้น คุณจะพบว่าในหนึ่งภาพ มีการคลิกองค์ประกอบ 9 ใน 10 รายการ สถานการณ์นั้นจะกลายเป็นภาพความเป็นจริงของโลก”

 

 

7. บริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

บรูซ กล่าวว่าการบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่นักลงทุนจะต้องเข้าใจ สำหรับนักลงทุนมือใหม่ควรจะ เทรดให้น้อยเข้าไว้

 

 

8. รักษาสมดุลทางอารมณ์ให้คงที่ ในขณะเทรด

ในแต่ละวัน นักเทรดอาจสูญเสียเงินหลายล้านดอลลาร์ ดังนั้นพวกเขาจึงควรระวังภาระทางอารมณ์ของการซื้อขาย

 

บรูซ กล่าวว่า นักลงทุนควรหลีกเลี่ยงที่จะมองว่าการขาดทุนเป็นการส่วนตัว ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะไม่สามารถเทรดอย่างมีประสิทธิภาพได้

 

 

9. คุณสมบัติของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ

บรูซ กล่าวว่าเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จนั้นจะต้องยืดหยุ่นได้ ไม่ปล่อยให้ความโลภมาครอบงำ

 

“Michael Marcus สอนฉันอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมา  คุณต้องเต็มใจที่จะทำผิดพลาดเป็นประจำ และจงเรียนรู้จากมัน

 

ไมเคิล สอนฉันเกี่ยวกับการตัดสินใจที่ดีที่สุดของคุณ คิดผิด ตัดสินใจที่ดีที่สุดครั้งต่อไป ทำผิด ตัดสินใจอย่างดีที่สุดเป็นอันดับสาม แล้วเพิ่มเงินของคุณเป็นสองเท่า”  เขากล่าว

 

 

Source