7 ข้อสังเกต ระบบเทรด Forex ที่ดี ราคาในตลาด Forex มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เทรดเดอร์ทุกคนจึงควรปรับเปลี่ยนแบบแผนการเทรดอยู่เสมอด้วยหัวใจที่ Agile จะทำให้สามารถทำกำไรได้ทุกสภาพตลาด ระบบเทรดที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาจึงมีบทบาทสำคัญมากในตลาด Forex
7 ข้อสังเกต ระบบเทรด Forex ที่ดี
ในบทความนี้พวกเราชาว Uhas.com จะชวนไปดูระบบเทรดที่ดีหน้าตาเป็นอย่างไรจากขอสังเกตุเหล่านี้
1. ระบบเทรดที่ดีจะต้องวัดผลได้
วัดจากการที่สามารถใช้งานได้จริง, อัตราการเทรดแล้วสำเร็จเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ล้วนมาจากการใช้อินดิเคตอร์ที่บอกทิศทางบอกผลได้ชัดเจน ดังนั้นการมีอินดิเคตอร์ที่บอกผลได้สอดคล้องกับเป้าหมายการเทรดของเรา ก็จะทำให้ระบบเทรดของคุณมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และตอบโจทย์การเทรดมากขึ้นนั่นเอง
2. Back-Test เพื่อช่วยตรวจสอบและวัดประสิทธิภาพของระบบเทรด
ลดโอกาสเสี่ยงที่จะเสียหายขาดทุนเพราะระบบเทรดตัวใหม่ที่เทรดเดอร์เพิ่งสร้างขึ้นมา ก็ไม่ต่างจากรถยนต์ที่ต้อง Test-Drive ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ แต่ระบบเทรดนั้นอาจจะต้องทดสอบกันเป็นระยะเวลา 6 เดือนกันเลยทีเดียว เพื่อหาข้อบกพร่องและช่องโหว่ของมันและอุดให้ได้มากที่สุด
ถ้าไม่อยากรอนานถึง 6 เดือนก็ใช้ระบบจำลองทดสอบกับกราฟราคาในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาแทน แต่วิธีการ Back-Test แบบนี้จะต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดในอนาคตด้วย การที่เครื่องมือหนึ่งใช้ได้ดีในอดีตก็ไม่ได้การันตีว่ามันจะมีประสิทธิภาพสูงเท่าเดิมในอนาคต
3. ระบบเทรดที่ดีต้องทำกำไรได้ทุกสภาวะของตลาด
เป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้วที่สภาพการณ์ตลาด Forex มีความผันผวนและนำมาซึ่งความเสี่ยงจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับความผันผวนนั้นเอง ดังนั้นหากระบบเทรดของเราสามารถทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาดแสดงว่าประสิทธิภาพของมันต้องสูงมากๆ หรือเพื่อไม่ให้กดดันตัวเรามากเกินไปในช่วงเริ่มต้นเป็นเทรดเดอร์มือใหม่ ระบบของเราอย่างน้อยมันไม่ควรทำให้เราขาดทุน ก็เพียงพอแล้ว รู้จักกับ Stop Loss และ Take Profit ได้ที่นี่ เพราะสองตัวนี้จะเป็นพื้นฐานในการเทรดได้ดีเลย
4. ทดลองระบบด้วยการเทรดจริง
เมื่อทำ Back-Test ไปแล้วจะด้วยการทดสอบบนราคาปัจจุบันหรือกราฟราคาในอดีตก็ตาม การทดสอบในสนามจริงก็จำเป็นเสมอและที่สำคัญมันทำให้ระบบได้เจอกับความเสี่ยงของสภาพตลาดจริง แต่ระดับความเสี่ยงที่เราใช้เพื่อทดสอบระบบไม่ควรอยู่เหนือการควบคุมของเรา ดังนั้นเราควรควบคุบความเสี่ยงด้วย
กำหนดขนาด Lot ในการเทรด ควรเลี่ยงการเทรด Lot เต็มและใช้ mini lot, Micro lot หรือ Nano lot แทน หรือควรเทรดด้วยจำนวน Lot ที่เหมาะสม
กำหนดระยะเวลาในการเทรด อย่างน้อย 2 เดือนให้ระบบเทรดได้ทำงานของมัน และเทรดเดอร์ต้องหมั่นเอาใจใส่ตรวจสอบการทำงานของระบบอยู่เสมอ
หาจุดบกพร่องเพื่อปรับปรุงหรือเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเทรดอยู่เสมอ หากจุดบกพร่องไหนเรารับได้และยังอยู่ในระดับความเสี่ยงที่เราควบคุมได้ก็อาจปล่อยไป
5. “Keep it Simple” ต้องใช้งานง่าย
โดยเฉพาะกับเทรดเดอร์มือใหม่ที่ยังไม่ประสบการณ์ในตลาด Forex ต้องเน้นความเรียบง่าย, สะดวกและรวดเร็ว เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาไปกับความยุ่งยากของระบบเทรด ลองนึกภาพดูถ้าระบบเทรดของเราต้องอาศัยอินดิเคเตอร์หลายตัวกว่าจะส่งคำสั่งซื้อขายได้ก็ใช้เวลาเป็น 10 นาที ตอนนั้นสภาพตลาดก็เปลี่ยนแล้ว คุณไม่ทันกินและขาดทุนแน่นอน
6. ทำกำไร ภาพรวม ได้จริง
ทำกำไรได้สูงสุดเป็นความคาดหวังของเทรดเดอร์ทุกคนอยู่แล้ว แต่เชื่อเถอะไม่มีระบบเทรดที่ไหนช่วยให้เทรด 100 ครั้ง ทำกำไร 100 ครั้งหรอก ซึ่งนั้นหมายถึงมุมมองของตัวเทรดเดอร์เองด้วยว่าโฟกัสไปที่ไหน? โฟกัสการเทรดรายครั้งว่าได้กำไรหรือขาดทุนหรือมองภาพรวมการเทรดทั้งหมด
ถอยหลังออกมาเพื่อดูภาพใหญ่น่าจะทำให้เข้าใจสภาพตลาด Forex มากขึ้น อาจใช้กรอบเวลาเข้ามาช่วย ว่าระบบเทรดแบบไหนเหมาะกับการเทรดรายสัปดาห์, รายเดือน
7. ช่วยเพิ่มชั่วโมงการเทรดเป็น 24/5
อ่านแล้วอาจจะมีคำถามว่าแล้วเทรดเดอร์ทำได้หรอที่จะต้องเทรด 24 ชั่วโมงเลย ไม่หลับไม่นอนหรอ? ใครบอกว่าให้คนมานั่งเทรดเองหละ ปัจจุบันเรามีโปรแกรม มี EA(Expert Advisor) รวมถึงวิธี Copy Trade ให้เลือกใช้เพื่อเพิ่มชั่วโมงในการเทรด แทนที่เทรดเดอร์จะตั้งนั่งเฝ้าสังเกตการณ์สภาพตลาดเองส่งคำสั่งซื้อขายเอง
เลือกใช้วิธีข้างต้นเหล่านั้นเพื่อความสะดวกที่มากขึ้น อาจจะทำให้เทรดเดอร์คนนั้นไม่ต้องมานั่งเฝ้าจออีกเลยก็ได้ แต่นั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นักที่คุณจะปล่อยในพอร์ตของคุณทำการเทรดด้วยตัวเอง 100% สุดท้ายผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินก็ควรกลับมาตรวจสอบผลประกอบการณ์ดูบ้าง
ด้วย 7 ข้อสังเหตุข้างต้น(ซึ่งมันเหมือนจะเป็นหลักการมากกว่า) ที่เราชาว Uhas.com ยกมาแนะนำก็หวังว่าเทรดเดอร์ทุกคนจะสามารถนำไปปรับใช้งานได้จริง ขอให้มีความสุขและโชคดีกับการเทรด
Author: