ประวัติ Brian Armstrong จากเด็ก “Introvert” สู่ “CEO Coinbase”

เรื่องPatihanUhas

ประวัติ Brian Armstrong จากเด็ก “Introvert” สู่ “CEO Coinbase” Brian Armstrong คือผู้สร้างผลกระทบอันยิ่งใหญ่ต่ออุตสาหกรรมคริปโต ชาวอเมริกาในยุคนั้นจดจำ ในฐานะผู้ก่อตั้ง Coinbase เว็บเทรดสุดฮิตของคนอเมริกา

 

ประวัติ Brian Armstrong จากเด็ก “Introvert” สู่ “CEO Coinbase”

ไบรอันคืออดีตพนักงานวิศวกรซอร์ฟแวร์ ของสตาร์ทอัพยักษ์ใหญ่อย่าง Airbnb ต่อมาในปี 2012 เขาก็ได้ก่อตั้ง Coinbase ขึ้นมา ผู้สื่อข่าวอย่าง Forbes ได้เคยถามคำถามกับเขาว่า “เพราะเหตุใดคุณถึงได้กระโดดเข้ามาในวงอุตสาหกรรมนี้?”

 

ไบรอันเลยตอบไปว่า “I wanted the world to have a global, open financial system that drove innovation and freedom.” แปลได้ว่า “ผมต้องการให้เรื่องของการเงินสามารถเข้าถึงผู้คนได้ทั่วโลก ที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรมได้อย่างอิสระเสรี”

  • ในปี 2021 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ $6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวัย 38 ปี วันที่ 18 เดือนนี้ มูลล่าทรัพย์สินของเขาลดลงอยู่ที่ 2 พันล้านดอลลาร์
  • ปัจจุบันอายุ 39 ปี
  • ไบรอันหลงใหลในคอมพิวเตอร์ ชอบศึกษาเกี่ยวกับชอฟแวร์ และมีหัวการค้ามาตั้งแต่เด็ก
  • นิสัยส่วนตัวเป็นคนขี้อาย ชอบเก็บตัว ไม่กล้าพูดในที่สาธารณะ (Introvert ตัวพ่อ)
  • ธุรกิจแรกของเขา เกิดขึ้นในตอนที่เป็นบัณฑิตปริญญาโทด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ไบรอันสร้างเว็ปไซต์ชื่อ UniverityTutor ซึ่งเป็นเว็ปไซต์หาติวเตอร์ออนไลน์
  • ทำงานให้กับ “Airbnb” ในยุคบุกเบิก

 

ชีวิตในวัยเด็กของ Brian Armstrong

ไบรอันเกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม 1983 ที่เมืองซานโฮเซ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอมริกา เขาเกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น ทางบ้านมีฐานะปานกลาง พ่อแม่ของเขาเป็นวิศวกรทั้งคู่

 

ช่วงเรียนประถมมเขาหาเงินเล็กๆน้อยๆ จากการขายลูกอมในสนามเด็กเล่น ช่วงวัยรุ่นก็ขยับขึ้นมาขายคอมพิวเตอร์มือสอง ไบรอันคลุกคลีกับเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่เด็ก เพราะว่าแม่ทำงานอยู่ที่บริษัท IBM ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และให้บริการด้านคอมพิวเตอร์และสารสนเทศรายใหญ่ของโลก จึงทำให้ที่บ้านของไบรอันมีคอมพิวเตอร์ในยุคแรกๆ แม่เป็นโปรแกรมเมอร์ในยุคแรกของ IBM ด้วย

 

ตอนเรียนมัธยมไบรอันเป็นเด็กเนิร์ดที่อ่านหนังสือการเขียนโปรแกรมภาษา Javaหารายได้พิเศษด้วยการรับเขียนโปรแกรมเว็บไซต์แบบ HTML ในยุคที่อินเทอร์เน็ตกำลังบูมช่วงปลายทศวรรษ 1990s ไบรอันไม่ได้ให้ความสนใจในการเรียนมัธยมมากนัก ตอนกลางคืนศึกษาด้วยตัวเองเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์อย่างเช่น Linux จนถึงตี 2-3 เกือบทุกวัน พอไปโรงเรียนก็ง่วงนอนระหว่างวัน

 

ไบรอันรู้สึกว่าการเรียนในโรงเรียนมันค่อนข้างน่าเบื่อ พ่อแม่ของเขาเลี้ยงดูไบรอันอย่างอบอุ่น ไบรอันมีความชอบในด้านชอฟแวร์พ่อแม่ของเขาก็ได้ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี

 

เป้าหมายของไบรอันในตอนเด็กคือ เขาอยากเขียนชอฟแวร์ และอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ เขามีความชอบในด้านคอมพิวเตอร์และการค้าขายสร้างเงิน

 

ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย Brian Armstrong

Rice University https://www.usnews.com/best-colleges/rice-3604

 

ความสนใจในคอมพิวเตอร์และเศรษฐกิจ ทำให้ไบรอันตัดสินใจเลือกเรียนต่อที่Rice Universityในเมืองฮิวส์ตัน รัฐเท็กซัส (Rice University คือหนึ่งในสถาบันการศึกษาชื่อดังในแวดวงเทคโนโลยีสหรัฐฯ)

 

ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย ไบรอันมองเห็นโอกาสว่าการเป็นติวเตอร์ สามารถสร้างรายได้ต่อชั่วโมงได้ถึง 60 ดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยเรทช่วงนี้ก็ประมาณ 2,000กว่าบาท ต่อ 1 ชั่วโมง) ช่วงแรกๆไบรอันก็รับสอนเอง ในวิชาคณิตและวิทยาศาสตร์

 

ในปี 2003 -2012 ไบรอันและเพื่อนร่วมหอพัก ได้ระดมสมองกันและร่วมกันก่อตั้งเว็บไซต์ University Tutors เพื่อจับคู่ผู้ปกครองที่มองหาอาจารย์พิเศษมาสอนบุตรหลานกับนักศึกษาที่ต้องการหารายได้พิเศษในการเป็นติวเตอร์ โดยเว็บไซต์นี้มีผู้เข้าใช้บริการมากมาย ก่อนขายไปในปี 2014 ได้กำไรมา 21 เท่าของรายได้

 

(ช่องโหว่ของธุรกิจนนี้คือติวเตอร์แอบกินงานเอง มีการจ่ายใต้โต๊ะ ทั้งที่ในเว็ปไซต์เก็บค่าธรรมเนียมเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนระบบใหม่ ติวเตอร์ที่เข้ามาสร้างโปรไฟล์ในเว็ปไซต์ชำระเป็นรายเดือนเพื่อให้โปรไฟล์ของตัวเองโชวในอันดับต้นของการค้นหา หลังจากเปลี่ยนเป็นระบบนี้ก็มีคนมาใช้งานในเว็ปไซต์มากยิ่งขึ้น ช่วงนั้นไบรอันหางานที่จริงๆจังๆไปด้วย งานแรกที่เขาได้ทำคือที่ Airbnb ) https://www.universitytutor.com/about

 

ในปี 2003 ไบรอันฝึกงานที่ IBM

 

ในปี 2005 วันที่ 23 กันยายน ไบรอันจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Rice University (BA, MS)ด้วยวิชาเอกสองด้านคือวิทยาการคอมพิวเตอร์และเศรษฐศาสตร์

 

ในปี 2006 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัย Rice

 

ในปี 2007 ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอาร์เจนตินา

 

ชีวิตการทำงาน Brian Armstrong

ภาพจาก wwwnc.cdc.gov/travel/destinations/traveler/none/argentina

 

ภาพจาก eiti.org/countries/argentina

 

หลังเรียนจบในปี 2006 ไบรอันสมัครเข้าร่วมงานกับบริษัทการศึกษาแห่งหนึ่ง และเดินทางไปทำงานที่อาร์เจนตินา

 

ประสบการณ์เกือบ 1 ปีในอาร์เจนตินา ในช่วงนั้นทวีปอเมริกาใต้แห่งนี้เผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้เขาได้สัมผัสกับความทุกข์ยากของผู้คนโดยตรง โดยเฉพาะความยากจนซึ่งเกิดจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง (hyperinflation) ซึ่งทำให้มูลค่าของเงินลดลงอย่างรวดเร็ว ไบรอันเล่าว่า ราคาสินค้าจะปรับตัวขึ้นไวมากและบ่อยมาก อย่างเช่นร้านอาหารจะราคาขึ้นในวันหยุด โดยทางร้านแค่แปะสติกเกอร์เปลี่ยนราคา

 

อย่างไรก็ตาม หลังเดินทางกลับบ้านเกิด เขายังไม่ได้เริ่มเข้าวงการคริปโตทันที แต่ไปสมัครงานเป็นลูกจ้างเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มเติม หนึ่งในบริษัทที่สังกัด และเป็นอีกแรงบันดาลใจให้หันมาสนใจคริปโต คือ Airbnb

 

ในปี 2011 ไบรอันได้เข้าร่วม AirBNB ในฐานะวิศวกรซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชั่นบ้านเช่าออนไลน์ที่ให้บริการกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยมีหน้าที่ดูแลแพลตฟอร์มการจ่ายเงิน และระบบตรวจสอบป้องกันการโกง ไบรอันพูดว่า แม้จะทำงานที่ Airbnb อยู่แค่ปีเศษ เขาได้เห็นความยุ่งยากของกฎระเบียบการเงิน ซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ดังนั้นจึงเกิดวิสัยทัศน์ และแรงบันดาลใจในการแก้ปัญหาเหล่านี้ ด้วยการทำให้ระบบเศรษฐกิจทั่วโลกสามารถเชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อมากขึ้น

 

 

ในปี 2012 เขาเริ่มใช้เวลาหลังเลิกงานเขียน Code เพื่อใช้ซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยน Bitcoin, Crypto

 

จุดเริ่มต้นของ Cainbase

เพราะงานที่ทำ และ ประสบการณ์ที่มี หล่อหลอมให้ไบรอันมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจเทคโนโลยีเป็นอย่างดี

 

Cainbase คืออะไร?

Coinbase คือ กระดานเทรดคริปโทเคอร์เรนซี อันดับ 1 ของสหรัฐอเมริกาในด้านจำนวนผู้ใช้งาน และ อันดับ 3 ของโลกเป็นรองพียง Binance และ Huobi

 

Coinbase ได้สร้างประวัติศาสตร์ในการนำแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้น บริษัท ของเขาได้รับการขนานนามว่าเป็น “ยูนิคอร์น” ของอุตสาหกรรมการคริปโต โดยมีการระดมทุนชุด D ในปี 2017 มูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เมือเดือนเมษายน ปี 2021 สัดส่วนการถือหุ้น 19% ใน Coinbase ทำให้เขาเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 3 ในเดือนเมษายน 2022

 

ในปี 2010 ไบรอันเริ่มรู้จักคริปโต ระหว่างก่อตั้งสตาร์ทอัพด้านการเรียนออนไลน์ (e-learning) โดยเริ่มจากการอ่านเอกสารการทำงาน (white paper) ของบิตคอยน์ สกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ก่อนหลงใหลเทคโนโลยีนี้และเกิดความคิดขึ้นมาทันทีว่า เขาต้องทำให้บิตคอยน์ กลายเป็นเงินกระแสหลักของโลกให้ได้ และเป็นที่มาของการลาออกจาก Airbnb เพื่อสานตาความฝันนี้

 

ในปี 2012 ไบรอันร่วมมือกับ(Fred Ehrsam) เทรดเดอร์ซื้อขายเงินตราต่างประเทศของบริษัทโกลด์แมน แซคส์ ในวอลล์ สตรีท ก่อตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ‘คอยน์เบส’ ครั้งแรกในปี 2012 โดยไบรอันทำหน้าที่CEO ส่วน Fred Ehrsam กลายเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Coinbase

Fred Ehrsam ผู้ร่วมก่อตั้ง Coinbase https://fortune.com/2017/01/21/bitcoin-ethereum-coinbase-cofounder-fred-ehrsam-exit-interview/

 

ในปี 2012 Coinbase มีฐานผู้ใช้ทั่วโลกกว่า 20 ล้านคน และอำนวยความสะดวกสะบายในการซื้อขาย Cryptocurrency มูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์

 

ในปี 2013 Coinbase คว้าเงินลงทุนรวม 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ในปี 2014 Coinbase ได้เปิดตัวระบบรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลและการให้บริการรับชำระเงิน ด้วยบิตคอยน์ให้กับภาคธุรกิจ ซึ่งก็ได้มีบริษัทรายใหญ่สนใจมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น Dell, Expedia, PayPal ,Time Magazine .,.ส่งผลให้ ณ ขณะนั้น ยอดผู้ใช้งาน Coinbase พุ่งสูงเกิน 1 ล้านรายเป็นครั้งแรก

 

ในปี 2016 – 2017 เมื่อกระแสของคริปโทเคอร์เรนซีมาแรงในโลกโซเชียล เนื่องจากราคาที่พุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ชาวอเมริกันแห่กันเข้ามาซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีบนแพลตฟอร์ม Coinbase เป็นจำนวนมาก สิ่งนี้ถือว่าเป็นการเติบโตครั้งใหญ่ของของ Coinbase

 

ในปี 2017 Coinbase มีการระดมทุนชุด D มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ในปี 2021 Coinbase ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ให้กับอุตสาหกรรมคริปโต โดยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ด้วยวิธี Direct Listing หรือก็คือการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมให้กับสาธารณชน ไม่ได้มีการออกหุ้นใหม่หรือระดมทุนเพิ่มแต่อย่างใด มูลค่าตลาดสูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในช่วงสั้นๆ ไบรอันถือหุ้นประมาณ 19%

 

ภารกิจของ Coinbase จึงมีหนึ่งเดียว คือ ทำให้ คริปโทฯ เข้าถึงง่าย (สำหรับทุกคน)

 

https://twitter.com/FEhrsam/status/1382242817796284416

ปี 2012 ในวันที่พวกเราก่อตั้ง Coinbase ตอนนั้น Bitcoin มีราคาเพียง 6 ดอลลาร์ และเข้าถึงได้เพียงกลุ่มเด็กเนิร์ดไม่กี่คน ในตอนนั้น Bitcoin และเงินดิจิทัลเป็นไอเดียบ้า ๆ สำหรับคนส่วนใหญ่

 

นิสัยส่วนตัวของไบรอัน

พูดน้อย เก็บตัว ไบรอันไม่ใช่คนโผงผาง ไม่ค่อยให้สัมภาษณ์สื่อกระแสหลัก ในช่วงเริ่มก่อตั้ง เออห์แซมซึ่งพูดเก่งกว่าจะทำหน้าที่หลักในการออกงานสังคม และพูดต่อที่ประชุม ส่วนไบรอันจะนั่งฟังเงียบ ๆ และมีหน้าที่ส่วนใหญ่ในการคัดเลือกพนักงานเข้าร่วมงานกับบริษัท

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากเออห์แซม ลาออกจากผู้บริหาร เหลือแค่ตำแหน่งกรรมการบริษัท ทำให้ไบรอัน ต้องออกมารับบทบาทนำเบื้องหน้ามากขึ้น เขาสามารถทำหน้าที่ได้ดี แม้จะมีดราม่าเรื่องวัฒนธรรมองค์กรตามมา จากการสั่งห้ามพนักงานแสดงออกทางการเมือง หรือเคลื่อนไหวในประเด็นสังคมอันร้อนแรงที่นอกเหนือจากเป้าหมายขององค์กร เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญปัญหาเรียกร้องสิทธิคนผิวดำ Black Lives Matter และการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ในปี 2020 โดยอาไบรอันโดนโจมตีว่าไม่ใยดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

หลังจากเขาออกแถลงการณ์ยืนยันให้ Coinbase เป็นองค์กรไร้การเมือง เนื่องจากไม่อยากให้พนักงานแตกแยก และเบี่ยงเบนความสนใจไปจากMissionหลักขององค์กร “เป้าหมาย Coinbase คือการสร้างระบบการเงินแบบเปิด (open financial system) ให้กับโลก นั่นหมายถึงเราต้องการใช้คริปโตเพื่อสร้างอิสรภาพทางเศรษฐกิจให้กับคนทั่วโลก”

 

ไบรอันกล่าวถึงเหตุผลที่อยากให้องค์กรปราศจากการพูดคุยเกี่ยวกับการเมือง พร้อมเสนอเงินชดเชยให้กับพนักงานที่ไม่เห็นด้วยและต้องการลาออกเท่ากับอัตราค่าจ้าง 4 – 6 เดือน โดยมีพนักงานลาออกไปประมาณ 60 คน

 

นิสัยที่ทำให้ไบรอันประสบความสำเร็จเป็น CEO Coinbase

โดยส่วนตัวแล้ว ไบรอันเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าพูดในที่สาธารณะ เขาเป็นคนที่มีไอเดียอยู่ในหัว แต่ยังขาดความกล้าที่สื่อมันออกมา เขาค่อยๆฝึกทักษะการพูด จนก้าวมาเป็น CEO ที่มีแต่คนนับถืออย่างทุกวันนี้

 

ก่อนที่ไบรอันจะสร้าง Coinbase เขาได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ในความประมาณว่า “ให้นึกว่าอีก 10 ปีข้างหน้าอาชีพไหนที่คุณทำแล้วไม่รู้สึกเบื่อ อาชีพไหนที่คุณมีความชอบ ความหลงไหล ถึงแม้ว่าอาชีพนั้นอาจจะไม่สำเร็จก็ตามแต่” (ไบรอันได้ลองทั้งงานอสังหาริมทรัพย์ ,งานสอน, ศิลปะการต่อสู้, สร้างเว็ปไซต์.. และคำถามนี้ก็ทำให้เขาได้ค้นพบตัวเองคือ tech entrepreneurship)

 

ข่าวทั่วไป

มีรายงานว่าไบรอัน ซื้อบ้านในราคา 133 ล้านเหรียญสหรัฐในเบลแอร์ลอสแองเจลิสที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษ John Pawson ผู้ขายคือ Hideki Tomita ผู้ก่อตั้ง Dip Corporation บริษัทจัดหางานในญี่ปุ่น

 

Contact

 

Source