ประวัติ Richard D. Wyckoff บิดาแห่ง ทฤษฎี Wyckoff

เรื่องPatihanUhas

ประวัติ Richard D. Wyckoff บิดาแห่ง ทฤษฎี Wyckoff เป็นทฤษฎีวงจรหุ้นเป็นกระบวนการเกิดแนวโน้มต่างๆ แนวคิดเบื้องต้นจากแรงซื้อและแรงขายที่เป็นตัวขับเคลื่อนกราฟราคา และเรียกได้ว่า ทฤษฎี Wyckoff เป็นต้นแนวคิดของการวิเคราะห์กราฟจาก Demand & Supply Zones

ทฤษฎี Wykoff

 

ประวัติ Richard D. Wyckoff บิดาแห่ง ทฤษฎี Wyckoff

ย้อนไป Wall street ในศตวรรษที่19 ช่วงนั้นไม่มีเทรดเดอร์คนไหนที่ร่ำรวยจากการใช้ Technical Analysis แต่ “ริชาร์ด ดี ไวค์คอฟฟ์” ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิก ที่นอกจากเขาจะร่ำรวยจากการใช้เทคนิคคอลแล้ว เขายังสามารถขับเคลื่อนตลาดได้อีกด้วย

 

ทฤษฎี Wykoff

Richard D. Wyckoff

ริชาร์ด ดี ไวค์คอฟฟ์ เขาคือนักลงทุนชาวอเมริกัน เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิก และ พัฒนาการวิเคราะห์หุ้นในตลาด Wall Street และ ก่อตั้งวารสาร The Magazine of Wall Street เขาเป็นเทรดเดอร์และหลงใหลในตลาดหุ้นหาความรู้เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ และตราสารหนี้ตลอดช่วงต้นทศวรรษ 19

 

ทฤษฎี Wyckoff ที่ ริชาร์ด ดี ไวค์คอฟฟ์ คิดค้นหลักสูตรขึ้นมา มันคือทฤษฎีการวิเคราะห์ตลาด ซึ่งเป็นกระบวนการเกิดแนวโน้มต่าง ๆ โดยอาศัยความเป็นเหตุเป็นผลที่จับต้องได้ และเกิดซ้ำ ๆ จนเป็นวัฏจักรตลาด

 

Wyckoff Method เป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดในการเลือกหุ้น เลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อขาย และยังเป็นวิธีการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคนี้ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

 

ทฤษฎี Wyckoff

ถ้า Demand มีมากกว่า Supply ทำให้ราคาหลักทรัพย์ย่อมปรับตัวสูงขึ้น… แต่ถ้า Demand น้อยกว่า Supply ราคาหลักทรัพย์จะปรับตัวลดลง เพียงแต่ในตลาดหลักทรัพย์ และ กระดานเทรดลงทุนทั้งหลายมีการเปลี่ยนแปลงของ Demand/Supply ไปตามเหตุและปัจจัยมากมายที่มีผลต่อ “การตัดสินใจ” ของนักลงทุนส่วนใหญ่ หรือ ทั้งหมดในตลาด ซึ่งโดยภาพรวมก็คือ “จิตวิทยาตลาด หรือ จิตวิทยาของนักลงทุนส่วนใหญ่ หรือ ทั้งหมดในตลาด”

 

ถ้าจะให้เห็นภาพชัดๆ หากนักลงทุนส่วนใหญ่ตัดสินใจว่าต้องซื้อ ก็เท่ากับ Demand มีมากกว่า และ นักลงทุนส่วนใหญ่ก็จะพยายามซื้อลงทุนแม้ราคาเสนอขายจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะราคาที่ถูกกว่านั้น ได้ถูกซื้อไปหมดแล้ว และถ้าไม่ตัดสินใจซื้อก็จะไม่ได้ซื้อ แถมนักลงทุนรายอื่นก็จะรุมซื้อจนเหลือแต่ราคาหลักทรัพย์ที่แพงกว่ารอขายแต่เมื่อหลักทรัพย์ถูกซื้อด้วยราคาแพงขึ้นเรื่อย ๆ แรงซื้อก็จะลดลงเรื่อย ๆ ทั้งจากกำลังซื้อที่ถูกใช้ไปแล้ว และ จากราคาที่แพงขึ้นจนนักลงทุน “ตัดสิน หรือ เชื่อว่าแพงไปแล้ว” บวกกับนักลงทุนที่มีหลักทรัพย์ราคาต้นทุนถูกกว่า และ ย้ายข้างไปอยู่ฝั่งคนรอขายเพิ่มขึ้นตลอดเวลา จนกลายเป็นนักลงทุนส่วนใหญ่

 

การตัดสินใจขายจากนักลงทุนส่วนใหญ่ จึงสร้างแรงขายสูงกว่าแรงซื้อ ราคาหลักทรัพย์ย่อมปรับตัวลดลงตามหลักการของ Demand/Supply และกลายเป็นวงจรราคา ขึ้นลงสลับกันไปเสมอ

 

***แต่ความเป็นจริงคือเทรดเดอร์มีหลายระดับ บางคนมีอิทธิพลอำนาจมากพอที่จะสามารถขับเคลื่อนตลาดได้

 

ทฤษฎี Wykoff

ภาพจาก warriortrading.com/wyckoff-method

ทฤษฎี Wyckoff กำหนดวัฏจักรของราคาตลาด  4 ช่วง

 

1. Accumulation: ระยะสะสม

รยะสะสมเป็นช่วง sideway ขึ้นๆลงๆไปเรื่อย ๆและอาจกินเวลานาน หากไม่มีข่าวดีใดๆ เกี่ยวกับหุ้นตัวนี้ ทุกคนเมินหน้าหนีไม่มีใครสนใจ แต่หากว่ามีกลุ่มคน smart money เห็นช่องทางโอกาส เลยเข้าไปซื้อสะสมเป็นระยะๆ Smart money อาจจะเป็นพวก Value Investor หรือ insider หรือแม้กระทั่งกลุ่ม สถานบัน พวกเขามักจะทำการวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคตและมูลค่าต่างๆ และพบว่า หุ้นจะมีแนวโน้มที่ดีในอนาคต จึงเข้าทำการสะสมซื้อในช่วง Under value

 

2. Rally/ Mark Up: ระยะไล่ราคา

เมื่อหุ้นถูกกว้านซื้อไปหมดข่าวดีเริ่มมากำไรของบริษัทเริ่มมา อยากได้หุ้น ต้องให้ราคาสูงขึ้นราคาดีดตัวสูงขึ้นพร้อมๆ กับ volume เหล่า trend follower เข้ามาร่วมซื้อหุ้นราคาเริ่มจะดึงดูด พวก day trader และ momentum trader ทำให้ดันราคาสูงขึ้นไปอีก เกิดอาการFOMO กลัวตกรถ ไล่ซื้อหุ้น เมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น ราคาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปตามๆกัน

 

3. Distribution เป็นช่วงเวลาที่ Smart Money เริ่มปล่อยขาย

เพราะ หุ้นมาถึงจุด Over Value แล้วหรือ PE เริ่มจะสูงเกินค่าที่ควรจะเป็น Smart Money ได้ทยอยปล่อยหุ้นออกไป แต่ก็มีเทรดเดอร์บางกลุ่มที่ยังเข้ามาซื้อ อาจจะเป็นเทรดเดอร์มือใหม่ หรือ บางคนที่มีการกลัวตกรถ เปรียบเปรยได้เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ

 

4. Down: เป็นช่วงราคาที่ค่อยๆไหลลงไปเรื่อยๆ

กราฟเป็นช่วงขาลง แต่คนที่อยู่ต่อมักมีความคิดที่ว่า หุ้นยังดีอยู่มีโอกาสไปต่อได้อีกจึงทำการ ถัวเฉลี่ย ยิ่งถัวเฉลี่ยยิ่งเจ็บ ส่วนมากคนเทรดเดอร์ที่ยังอยู่ในช่วงนี้จะเป็นเทรดเดอร์รายย่อย

โดยความประสงค์ดีของริชาร์ด จากความรู้ที่เขาได้ศึกษาวิจัยมาจึงอยากที่จะเตือนให้เทรดเดอร์รายย่อยระวังตัว ไม่ให้ติดกับดักจากผู้มีอิทธิพลในตลาด เขาจึงแนะนำเกี่ยวกับ “กฎที่แท้จริงของเกมส์นี้ เล่นโดยผู้เล่นรายใหญ่หรือ “Smart money” ที่ควบคุมเกมส์อยู่

 

ประวัติโดยย่อของริชาร์ด ดี ไวค์คอฟฟ์

จากรายงานของ Journal of Commerce จากชิคาโก Richard Demille Wyckoff หรือRichard D. Wyckoff เป็นเสมียน เป็นคนดูแลลูกค้า และเป็นหัวหน้าบริษัทนายหน้าของเขาเอง เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด ผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการนิตยสาร The Magazine of Wall Street มาอย่างยาวนาน ในฐานะที่ปรึกษาการตลาด เขามีผู้ติดตามมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของวอลล์สตรีท

 

เกิดเมื่อวันที่2พฤศจิกายน ปี 1873

 

อายุ 15 เขาทำงานเป็นเสมียนให้กับโบรกเกอร์หุ้นในนิวยอร์ก

 

อายุ 20 ได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้า

 

อายุ 25 ปีก็ได้เปิดบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของตัวเอง

 

ต่อมาได้ก่อตั้งวารสาร The Magazine of Wall Street โดยเขาทำหน้าที่เป็นนักเขียนและบรรณาธิการเองเกือบ 20 ปี วารสาร The Magazine of Wall Street โด่งดังจนมีสมาชิกมากกว่า 200,000 คน

ทฤษฎี Wykoff

ทฤษฎี Wykoff

 

นอกจากนี้เขายังทำการวิจัยและสัมภาษณ์เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ เขาจะสังเกตกิจกรรมทางการตลาดและแคมเปญของนักเทรดหุ้นระดับตำนาน เช่น JP Morgan, James Keene และ Jesse Livermore

ทฤษฎี Wykoff

 

เขาเป็นที่รู้จักในฐานะนักอ่านเทปที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในสมัยนั้น เขาทุ่มเทศึกษา Footprint ของนักเทรดหุ้นรายใหญ่ ในศตวรรษที่ 19 กว่าจะหาความรู้แต่ละอย่างได้ มันไม่ง่ายเหมือนสมัยนี้ แต่สิ่งที่ ริชาร์ด ทำคือ การศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลในเอกสารอ้างอิงจาก Tape ซึ่งก็คือม้วนกระดาษบันทึกข้อมูลจากเครื่อง Stock Ticker ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 1867 และพัฒนาบนเทคโนโลยีเดียวกันกับเครื่องพิมพ์โทรเลข

ทฤษฎี Wykoff

ทฤษฎี Wykoff

ภาพจาก content.stocktrak.com/what-is-a-ticker-symbol/

 

ทฤษฎี Wykoff

วีดิโอวิธีการใช้ https://youtu.be/5N_A5hUDtZY

 

จากการสังเกตและการสัมภาษณ์นักลงทุนรายใหญ่มากมาย ตามดูชีพจรราคาของหลักทรัพย์ หรือ วงจรราคา คู่กับ การเรียนรู้พฤติกรรมการซื้อขายของนักลงทุนรายใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ จากนั้นนำมาแยกแยะอธิบายใหม่เป็นส่วนๆ เพื่อให้เห็นเหตุและผลที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการขึ้นลงของราคา ในที่สุดเขาก็ได้คิดค้นทฤษฎีของตัวเองขึ้นมา

  • ทฤษฎีที่วิเคราะห์ความเสี่ยงพร้อมผลตอบแทนที่เหมาะสมที่สุด เต็มไปด้วยหลักการ เทคนิคและวิธีการจัดการการเงิน วินัยและสภาพจิตใจที่ดี
  • ทฤษฎีของเขาได้ถูกนำมาใช้จริง ซึ่งถูกต้องแม่นยำในการใช้ทำนายราคา และ แนวโน้มทิศทางจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง

 

ริชาร์ด มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะช่วยเหลือนักลงทุนรายย่อยจากการขาดทุนในตลาดซ้ำไปซ้ำมา เขาจึงได้เผยแพร่บทความ The Real Rules of the Game หรือ กฎที่แท้จริงของเกมส์

 

ปี 1930 เขาได้ก่อตั้งโรงเรียนซึ่งต่อมาเป็นสถาบันการเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดหลักทรัพทย์

 

ข้อมูลการศึกษาวิจัยของเขาได้พิสูจน์ผ่านกาลเวลาแล้วว่าใช้ได้จริงมาจนถึงปัจจุบัน

 

ทฤษฎี Wyckoff สามารถนำไปใช้กับตลาดทุกตลาดที่มีเทรดเดอร์สถาบันขนาดใหญ่อยู่ รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ พันธบัตร และสกุลเงิน

 

ชีวิตรักของริชาร์ด ดี ไวค์คอฟฟ์

ในช่วงชีวิตของริชาร์ด ดี ไวค์คอฟฟ์ แต่งงานมาทั้งหมดแล้ว 3 ครั้ง

  • ครั้งแรก กับ Elsie Suydam
  • ครั้งที่2กับ Cecelia G. Shear
  • ครั้งที่3กับAlma Weiss

 

บ้านของริชาร์ด ดี ไวค์คอฟฟ์

ทฤษฎี Wykoff

บริษัทของเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว ริชาร์ด ดี ไวค์คอฟฟ์จึงกลายมาเป็นบุคคนที่ร่ำรวยคนหนึ่งในสมัยนั้น เขาเป็นเจ้าของคฤหาสน์ขนาด9เอเคอร์ครึ่ง (ราวๆ 24ไร่) ที่ดินของเขาอยู่ถัดจากที่ดินของ Alfred P. Sloan (อัลเฟรด พี. สโลน) ทายาทตระกูล General Motors ซึ่งเป็นตระกูลผลิตรถยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ดำเนินกิจการมาแล้ว 100 กว่าปี

 

ริชาร์ด ดี ไวค์คอฟฟ์จากโลกนี้ไปเมื่อไหร่?

ตามหนังสือพิมพ์ Brooklyn Daily Eagle (เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ 12 มีนาคม  1934) วิคคอฟฟ์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 1934 ในเมืองแซคราเมนโต รัฐแคลิฟอร์เนีย ศพของเขาถูกนำไปที่โบสถ์สำหรับฝังศพในบรู๊คลิน นิวยอร์ก

 

หนังสือของริชาร์ด ดี ไวค์คอฟฟ์

ทฤษฎี Wykoff

 

Source