ข่าวส่งผลต่อหุ้น อย่างไร ? เทรดเดอร์ต้องดู!

เรื่องPatihanUhas

ข่าวส่งผลต่อหุ้น

ข่าวส่งผลต่อหุ้น อย่างไร ?  ทำไมเทรดเดอร์ต้องใส่ใจข่าว ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนซื้อหรือขายหุ้น ก็มักจะมาจากข่าวเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงขณะนั้น

 

ไม่ว่าจะเป็น หุ้นตกร่วงอย่างรุนแรง, ธนาคารกลางสหรัฐ (The Federal Reserve System : Fed) ปรับขึ้นดอกเบี้ย, ราคาน้ำมันโลกร่วง, รัฐบาลประกาศอัตราภาษีใหม่, น้ำท่วมหรือไฟไหม้โรงงาน, ปัญหาทางการเมือง,  สงครามระหว่างประเทศ, การปรองดองระหว่างประเทศ, การค้นพบเทคโนโลยีใหม่ๆ

 

เหตุการณ์เหล่านี้ที่มีทั้งดีและร้ายและสามารถสร้างแรงกระเพื่อมให้กับตลาดหุ้น หรือ สร้างความผันผวนได้

 

ข่าวส่งผลต่อหุ้น อย่างไร ?  ทำไมเทรดเดอร์ต้องใส่ใจข่าว

หุ้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามการคาดการณ์ของนักลงทุน ที่มาจากผลกระทบตามปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้น แล้วประเมินออกมาว่า… สิ่งที่ตนจะได้รับในอนาคต ทั้งในรูปของ “เงินปันผล” และ “ส่วนต่างราคา” จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างไร

 

ข่าวก็จะมีทั้ง “ข่าวร้าย” และ “ข่าวดี”

 

ข่าวร้าย: ปกติข่าวเชิงลบจะทำให้คนขายหุ้น รายงานผลประกอบการที่ไม่ดี การกำกับดูแลกิจการที่ล้มเหลว ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองในภาพรวม และเหตุการณ์ที่โชคร้าย ล้วนส่งผลให้เกิดแรงกดดันในการขายและราคาของหุ้นจำนวนมากที่ลดลง

 

ข่าวดี : ข่าวดีมักจะทำให้บุคคลซื้อหุ้น รายงานผลประกอบการที่ดี การประกาศผลิตภัณฑ์ใหม่ การเข้าซื้อกิจการของบริษัท และตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจเชิงบวก ล้วนแปลที่เป็นแรงส่งเสริมในการซื้อหุ้นที่เพิ่มขึ้น

 

ถ้ามีคนต้องการซื้อหุ้นมากขึ้น ราคาตลาดก็จะเพิ่มขึ้น

 

ถ้ามีคนแห่กันขายหุ้น ราคาหุ้นก็จะลดลงไปตามๆกัน

 

จะเห็นได้ว่า “ข่าว” มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อขายหุ้นของนักลงทุน

 

ยกตัวอย่างล่าสุดนี้ที่หุ้น Netflix ร่วงหนักลงถึง 70% หรือมากกว่านั้น

ข้อมูลจาก Google

ข่าวมีผลต่อราคาหุ้น

 

หุ้นของ Netflix ในนิวยอร์กปิดตลาดที่ 198.77 ดอลลาร์ ทำให้ตัวเลขหุ้นดิ่งลงเป็น -71.11% ในปีนี้ และกลายเป็นหุ้นที่มีผลการดำเนินงานแย่ที่สุดใน S&P 500 และดัชนี Nasdaq 100

 

โดย Netflix คิดเป็น 0.8% ใน Nasdaq 100 และ 0.3% สำหรับ S&P 500 ซึ่งการลดลงของหุ้นดังกล่าวถือเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2014

 

ยักษ์ใหญ่ด้านวิดีโอสตรีมมิงทำให้ตลาด Wall Street ตกใจด้วยการสูญเสียลูกค้า 200,000 ราย ในไตรมาสแรก

 

ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการลดของจำนวนสมาชิกนับตั้งแต่ปี 2021 นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าลูกค้าอีก 2 ล้านรายจะหดตัวลงในไตรมาสที่สอง

 

Netflix ขาดทุนจากทางไหนบ้าง

  • การยกเลิกการให้บริหารใน “รัสเซีย” อันเป็นผลมาจากสงครามยูเครน ทำให้ Netflix ยอมรับว่า สูญเสียสมาชิกไปประมาณ 700,000 Subscribers
  • การขึ้นราคาสมาชิกรายเดือนในสหรัฐฯ และแคนาดา ตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2022 ทำให้มีการยกเลิกการใช้บริการไปประมาณ 600,000 Subscribers
  • ปัญหาเรื่องการแชร์บัญชีผู้ใช้งาน ที่มีจำนวนมากกว่า 100 ครัวเรือนทั่วโลกกำลังใช้ “บริการฟรี” โดยไม่ชำระค่าสมาชิก

 

Netflix เป็นส่วนหนึ่งของรายชื่อหุ้นที่มีการเติบโตสูงซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รักของตลาดและตอนนี้ราคาหุ้นของพวกเขาลดลง 70% หรือมากกว่านั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่ทำให้หุ้นร่วงลงอย่างเนื่อง

 

แต่ในทางของ Netflix ก็ไม่ยอมแพ้และยังเชื่อมั่นว่าซีซั่นใหม่ของซีรีส์ดัง ๆ อย่าง Stranger Things และ Ozark รวมไปถึงทัพเกมออนไลน์จะทำให้จำนวนสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นและสถานการณ์ในปี 2022 ดีขึ้นตามลำดับ และนอกเหนือจากนี้ทาง Netflix ยังมีแพลนที่จะเข้าซื้อกิจการ Spotify และกลยุทธ์อื่นๆได้เตรียมรับมือ

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Netflix

 

  • Leslie J. Kilgore
  • David Hyman
  • Greg Peters
  • Capital Research Group Investors,
  • Vanguard Group Inc
  • BlackRock Inc. (BLK)

 

 

หุ้นร่วง และ ข่าวร้าย

สถานการณ์นี้ ทำให้นักลงทุนต่างพากันแห่ขายหุ้น เพราะกลัวว่าตัวเองจะขาดทุนไปมากกว่านี้ จากการวิเคราะห์ ว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้นักลงทุนต่างพากันถอนตัว

 

  • นักลงทุนตกอยู่ในภาวะ Loss Aversion : คือการหลีกเลี่ยงความสูญเสีย อาการนี้ส่งผลให้เราหวงเงินต้นมาก ต้องหาวิธีปกป้องเงินต้นไม่ให้เสี่ยงต่อการเสียหายเยอะ นักลงทุนกลัวที่จะไม่ได้ปันผลหรือผลตอบแทน
  • นักลงทุนตกอยู่ในภาวะ Social Proof (การตัดสินใจโดยอ้างอิงตามสังคม) : เมื่อผู้เชี่ยวชาญเข้ามาวิจารณ์ นักลงทุนก็มักจะมีความเห็นคล้อยตามไปกับคำพูดของเขาเหล่านั้นโดยขาดการพิจารณาที่ดี หรือในอีกแง่หนึ่งก็คือขายหุ้นไปตามกระแสสังคม

 

 

 

หุ้นมีผลต่อ ข่าว อย่างไร?

หลังจากเหตุการณ์หุ้นขึ้นหรือตกอย่างรุนแรง ผู้คนที่มีส่วนได้ส่วนเสียประโยชน์ ก็แห่ไปให้ความสนใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น?  ทำไมหุ้นถึงตกลงหรือเพิ่มขึ้น? จะสร้างโอกาสจากเหตุการณ์นี้อย่างไร?

 

ในกรณีหุ้นตก อาจสร้างความหวานระแวงให้กับนักลงทุน > ดังนั้นเขาจึงค้นความหาข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ในกรณีของสำนักข่าว > ก็ต้องออกตามล่าทำข่าวเกี่ยวกับประเด็นนั้นๆ

 

ในกรณีอีกกรณี > คือการหาโอกาสจากวิฤตนั้นๆที่เกิดขึ้น

 

ยิ่งคนให้ความสนใจ สำนักข่าวก็จะผลิตข่าวในหัวนั้นขึ้นมาเรื่อย ๆ หลังจากนั้นก็จะมีสำนักข่าวมากมายที่ไปค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่ให้ตัวเองได้เกาะกระแสและสร้างรายได้ในช่วงนั้น

 

ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเกี่ยวข้อง, การไปเจาะลึกหาข้อมูลต่างๆ เพื่อที่จะนำมาเขียนข่าว และสร้างความดึงดูดใจให้ได้มากที่สุด หลายๆแหล่งข่าวแข่งกันนำเสนอข้อมูลและนี่จึงเป็นเหตุทำให้ข่าวผุดขึ้นมาตามหน้าฟีดข่าวเยอะแยะ

 

หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญได้แสดงความคิดเห็นของตัวเองออกสื่อโซเซียล ไม่ว่าจะเป็นการลงสื่อของตนเองหรือจะเป็นการที่ถูกสัมภาษณ์

 

นักข่าวมักก็จะจับเอาเนื้อหาเหล่านั้น มาเป็นประเด็น สร้างคอนเทนต์ในการเขียนข่าว

 

ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่สามารถรู้ได้ว่า เจตนาของผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างไร จึงแบ่งได้เป็น 2 ประเภท

  • เจตนาที่ดี : ผู้เชี่ยวชาญบางคนอาจจะออกมาเตือนเพราะว่าหวังดีจริงๆ
  • เจตนาที่หวังผลประโยชน์ : ผู้เชี่ยวชาญบางคน อาจจะได้ผลประโยชน์บางอย่าง

 

ข่าวดีในข่าวร้าย หรือ โอกาสในยามวิกฤต

ข่าวร้ายสำหรับหุ้นบางตัวก็เป็นข่าวดีสำหรับหุ้นบางตัว

 

ตัวอย่างเช่น

ข่าวพายุเฮอริเคนถล่มชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกของรัฐเท็กซัสและลุยเซียนาส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้าง, ไฟฟ้าดับ

 

เหตุการณ์นี้ทำให้หุ้นสาธารณูปโภคลดลง (ไฟฟ้า น้ำประปา ได้แก่ หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และหุ้นผลิตน้ำประปา)

 

แต่ที่เพิ่มขึ้นคือหุ้นที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ซ่อมแซมและตกแต่งบ้าน เพราะหลังจากที่นน้ำท่วมอย่างหนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน บ้านย่อมได้รับความเสียหาเป็นธรรมดา

 

บทส่งท้ายสำหรับเทรดเดอร์

อย่างไรก็ตาม การติดตามข่าวเป็นสิ่งดี…แต่ก็ไม่ควรเชื่อข่าวในทันที…เพราะสิ่งนั้นไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีในการเลือกหุ้น

 

KEY TAKEAWAYS

  • รายงานเศรษฐกิจจากรัฐบาลมักจะเป็นเพียงแค่ “ข่าว” ที่รายงานถึงจุดแข็งหรือจุดอ่อนของเศรษฐกิจ แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่เทรดเดอร์อย่างเราควรให้ความสนใจ สิ่งที่ควรให้ความสนใจเรียนรู้คือในภาคของ “อุตสาหกรรม”
  • รายงานทางการเงินรายไตรมาสระบุว่าบริษัทดำเนินการอย่างไรในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และอาจมีเบาะแสสำหรับอนาคตอันใกล้นี้… ดังนั้นควรทำการศึกษาให้ดีก่อนการซื้อ
  • เหตุการณ์ทั่วโลกสามารถสร้างความหายนะที่ไม่คาดคิดได้… ดังนั้นควรพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

 

นักลงทุนที่ดีจะไม่ตัดสินใจทำการซื้อขายจากข้อมูลในข่าวเพียงอย่างเดียว แต่พวกเขาจะประมาณการณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ

 

Source