Thomas Peterffy อภิมหาเศรษฐี ร่ำรวยจาก “ระบบเทรด”

เรื่องPatihanUhas

Thomas Peterffy

Thomas Peterffy อภิมหาเศรษฐี ร่ำรวยจาก “ระบบเทรด” จากผู้ลี้ภัยชาวฮังการีกลายเป็นชาวฮังการีผู้ร่ำรวยที่สุดในฮังการี ด้วยทรัพย์สินกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

สารบัญ

Thomas Peterffy อภิมหาเศรษฐี ร่ำรวยจาก “ระบบเทรด”

โทมาส ปีเตอร์ฟี:

  • จากผู้ลี้ภัยชาวฮังการี กลายมาเป็นพ่อมดเทคโนโลยีแห่งวอลล์สตรีท (Wall Street)
  • เขาเป็นผู้ก่อตั้ง ประธาน และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ “Interactive Brokers” (มูลค่าของบริษัทโดยประมาณ 350 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่ยอดนิยมมาเกือบ 4ทศวรรษ

 

โทมาสคือผู้บุกเบิกการเทรดแบบดิจิทัล

“เขาเป็นคนแรกที่สร้างระบบส่งคำสั่งซื้อขายอัตโนมัติด้วยอัลกอริทึม” ซึ่งเชื่อมต่อกับข้อมูลจากตลาด Nasdaq การเทรดสมัยก่อน ก่อนที่จะมาเทรดกันเองที่บ้าน ต้องไปนั่งเทรดกันที่โบรกเกอร์หรือบน trading floor หรือไม่บางคนก็ต้องคอยโทรหามาร์หรือโบรเกอร์ ว่าจะซื้อ- ขายหุ้นตัวไหน เท่าไหร่?

 

สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดเก็งกำไรในตอนนั้นคือ เทรดเดอร์และโบรกเกอร์นับพันคนยืนแออัดกันและส่งเสียงตะโกน พร้อมกับส่งสัญญาณมือประหลาดๆ ใส่กันไปมาเพื่อวางออเดอร์

 

วิวัฒนาการของตลาดเก็งกำไร

  • ยุคแรกของ เริ่มต้นด้วยภาษามือ
  • ยุคต่อมา เริ่มมีทั้งมือและเสียง (open outcryซื้อขายแบบประมูลราคาอย่างเปิดเผย Open Auctionด้วยวิธีเคาะกระดานในห้องค้าหลักทรัพย์ Trading Floor)
  • ยุคที่เริ่มมีเทคโนโลยีเข้ามา (โทมาสได้นำอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่คิดค้นขึ้นมาเองเข้ามาช่วยในการเทรด)
  • ยุคปัจจุบัน (ที่เราสามารถเข้าถึงตลาดการเก็งกำไรได้อย่างง่ายดาย)

 

ตลาดหลักทรัพย์เปิดให้มีการซื้อขายครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 เมษายน 1975 ภายใต้วิธีการซื้อขายแบบประมูลราคาอย่างเปิดเผย (Open Auction) ด้วยวิธีเคาะกระดานในห้องค้าหลักทรัพย์ (Trading Floor)  จนกระทั่งในวันที่ 31 พฤษภาคม 1991 ตลาดหลักทรัพย์ได้เปลี่ยนมาใช้ระบบการซื้อขายด้วยคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรก เรียกว่าระบบ ASSET (Automated System for the Stock Exchange of Thailand) และเมื่อ สิงหาคม2008ได้ปรับปรุงระบบซื้อขายใหม่เป็น ระบบ ARMS (Advance Resilience Matching System) เพื่อรองรับรูปแบบการดำเนินธุรกรรมใหม่ๆ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารความเสี่ยง รวมทั้งจัดให้มีระบบสำรองกรณีระบบขัดข้อง

 

ตามข้อมูลของ Forbes เขาเป็นคนฮังการีที่ร่ำรวยที่สุด

ข้อมูล www.forbes.com/profile/thomas-peterffy

 

ชีวิตในวัยเด็กของ Thomas Peterffy

เกิดมาในช่วงสงคราม ในประเทศสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ วันที่ 30 กันยายน ปี 1944 เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี Thomas Peterffy ได้ลืมตามองโลกในห้องใต้ดินของโรงพยาบาล ในช่วงที่เขาเกิดนั้นเป็นช่วงสงครามพอดี มีการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย ระเบิดดังไปทั่วเมือง

 

***ชื่อฮังการีของเขาคือ “Péterffy Tamás”

 

พ่อแม่แยกทางกัน

หลังจากการปฏิวัติฮังการีที่เริ่มขึ้นในปี 1956 ล้มเหลว ตอนนั้นโทมาสอายุได้ 12 ปี พ่อของโทมาสเป็นขุนนางฮังการีที่สูญเสียเกือบทุกอย่างให้กับโซเวียต ดังนั้นพ่อของเขาตัดสินใจอพยพไปที่สหรัฐอเมริกา โดยที่ทิ้งให้โทมาสอาศัยอยู่กับแม่ที่ฮังการีตามลำพัง เงินก็ไม่ค่อยมี อาหารก็อดมื้อกินมื้อ อีกทั้งยังถูกกักขังบริเวณ ที่มาจากการปฏิวัติฮังการี คนฮังการีถูกล้อมรั้วไม่ให้ออกไปไหนได้

Thomas Peterffy

 

ชีวีตในวัยเรียน

หัวการค้าตั้งแต่เด็ก

โทมาสวัย 12 ปี เรียนอยู่ในฮังการีเขามีเพื่อนที่แก่กว่าเขา ซึ่งอายุประมาณ 18 ปี ซึ่งเพื่อนคนนั้นสามารถเดินทางออกไปยังเวียนนาได้ ด้วยรถบรรทุกของสภากาชาด และเพื่อนคนนั้นก็ได้นำหมากฝรั่ง Juicy Fruit มาขายให้โทมัสแท่งล่ะ $2 และสิ่งที่โทมัสทำตอนนั้นคือ หั่นหมากฝรั่ง Juicy Fruit ออกเป็น 5 แท่ง และขายในแท่งล่ะ $1 ให้กับเพื่อนๆคนอื่นต่ออีก

 

ช่วงวัยรุ่น

โตมาเรียนด้านวิศวกรรม และถูกบังคับให้เรียนภาษารัสเซีย และต่อมาโทมาสก็เลือกเรียนภาษาเยอรมันเพราะว่ามันดูง่ายกว่าการเรียนภาษาอังกฤษ

 

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Thomas Peterffy

 

แผนการที่ล้มเหลวตั้งแต่เริ่ม

ในปี 1965 เมื่ออายุได้โทมาส 21 ปี เขาได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยในฮังการี ซึ่งตอนนั้นกำลังศึกษานาควิศวกรรมอยู่ เขาตัดสินใจอย่างแนวแน่บินลัดฟ้าไปสหรัฐอเมริกาเพื่อไปอยู่กับพ่อของเขาในนิวยอร์ก แต่แล้ว ทุกอย่างก็ไม่เป็นแผนที่วางไว้ พ่อของเขามีแม่ใหม่ บ้านนั้นไม่มีที่ว่างให้กับโทมาส แต่พ่อก็ยังใจดีห้เงินเขาให้เงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นการตั้งตัวในต่างแดน

 

จุดเริ่มต้นที่สวยงาม

โทมาสมีเงินไม่มากและพูดภาษาอังกฤษ ไม่ได้เลย จึงได้รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดมากที่ไม่เลือกเรียนภาษาอังกฤษ จากนั้นสิ่งที่โทมาสทำคือ มองหาพวกนั้นก็คือ กลุ่มผู้อพยพชาวฮังการีในนิวยอร์ก และเขาก็ได้งานแรกที่มาจากการช่วยเหลือของคนในกลุ่ม

 

งานแรกในนิวยอร์ก ที่บริษัทวิศวกรรม

มีข่าวลือมากมายที่ว่าหลังจากที่เขาเข้ามาในสหรัฐ งานแรกที่ทำคืองานก่อสร้าง แต่นั้นไม่ใช่ความจริง โทมัสนั่งอ่านวิกิพีเดียของตัวเองด้วยความประหลาดใจ ว่าบางอย่างที่เผยแพร่ไปก็ไม่ใช่ความจริง อย่างเช่น “ในบทความบอกว่าผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัย…ซึ่งผมไม่รู้จักแม้แต่มหาวิทยาลัยนั้นด้วยซ้ำ”

 

ความจริงคือ

เมื่อมาถึงอเมริกาตอนอายุ 21 ปี โทมาสมความรู้ค่อนข้างเยอะเกี่ยวกับการสำรวจ และได้งานแรกที่บริษัทบริษัทวิศวกรรมที่ออกแบบทางหลวงแห่งหนึ่ง และโทมาสทำงานในตำแหน่งช่างเขียนแบบสถาปัตยกรรม

 

จุดเปลี่ยน

และมีอยู่วันหนึ่ง ในปี 1966 ทางบริษัทได้ซื้อคอมพิวเตอร์มา แต่ว่าพนักงานทุกคนไม่รู้ว่ามันใช้งานยังไงเลยสักคน เจ้าของบริษัทไม่อยากให้คอมพิวเตอร์กลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ในบริษัท จึงถามพนักงานทุกคนว่า มีใครที่อยากจะเรียนรู้เจ้าสิ่งนี้ไหม?  และแล้วโทมัสก็เสนอตัวเข้าไปเรียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์นี้

 

เหตุผลที่โทมาสเสนอตัวก็เพราะว่า เนื่องจากตอนนั้นยังไม่เก่งเรื่องการใช้คำพูดภาษาอังกฤษ อย่างน้อยการเรียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะอยู่ในบริษัทนี้ต่อไป

 

เขาเรียนการเขียนโปรแกรมจากคู่มือที่ติดมากับเครื่องคอมพิวเตอร์ เรียนรู้เองหมด จากนั้นโทมาสก็กลายโปรแกรมเมอร์ของบริษัท และนั้นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาตระหนักถึงความทรงพลังของซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์

 

ทักษะการเขียนโปรแกรมทำให้ได้เข้าสู่ตลาดการเงิน

ในปี 1970  ได้โทมาสมาทำงานที่บริษัท Mocatta Metals  เป็นบริษัท Trading สินค้าโภคภัณฑ์จำพวกโลหะ ซึ่งเขามีหน้าที่เขียนโปรแกรมเพื่อคำนวณราคาที่เหมาะสมของตราสาร Options  โดยเขามีหน้าที่รับเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ให้กับเหล่าบริษัทนายหน้าซื้อ-ขายหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์ใน Wall Street

 

โปรแกรมเหล่านั้น ส่วนมากจะเป็นการจัดการตารางข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับการลงทุน ให้สามารถจัดเรียงและเลือกใช้ข้อมูลได้ง่ายขึ้นอย่างเช่น ข้อมูล P/E และ Book Value Per Share (มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น)

 

และที่แห่งนี้ทำให้โทมาสได้รู้จักกับ เฮนรี่ จาเร็คกี้ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท

มีอยู่วันหนึ่งเฮนรี่ จาเร็คกี้ได้พูดกับ โทมัสว่า “คุณรู้ไหมว่าการซื้อ-ขายตราสารอนุพันธ์มีแบบมันมี Put กับ Call” จากนั้นเฮนรี่ก็ได้อธิบายให้โทมาสฟังว่าถึงกระบวนการซื้อ- ขาย ในตลาดตลาดตราสารอนุพันธ์นี้ ว่ามันทำงานอย่างไร มีความเป็นมาอย่างไร.

 

“เทรดเดอร์ทำการซื้อ-ขาย โดยไม่รู้มูลค่าที่แท้จริงของมัน ดังนั้นถ้าหากคุณสามารถหาวิธีที่คิดให้เป็นมูลค่าราคาออกมาได้ มันจะทำเงินให้เราอย่างมหาศาลเลย”

 

จากนั้นโทมาสก็ใช้ความคิดอย่างหนัก เกี่ยวกับเรื่องเฮนรี่พูดมา เขาใช้เวลาประมานเดือนหนึ่ง คิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไร และแล้วเขาก็เจอกับคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าเครื่องเล็กๆที่ตั้งอยู่ภายในบ้านของเขา ซึ่งเป็นคอมที่ได้มาจากที่ทำงานกับบริษัทกับทางวิศกรรมที่แรก  เป็นคอมพิวเตอร์ยี่ห้อ olivetti

 

Thomas Peterffy

Peterffy talking about his handheld computers in a CNBC interview, 2016

 

จากนั้นโทมาสสร้างโปรแกรมที่เป็นตัวเลขสุ่มขึ้นมาด้วยการเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ที่บ้านให้กลายเป็นเครื่องโปรแกรมสำหรับการเทรด ซึ่งเป็นสูตรโมเดล ที่ใส่ข้อมูลต่างๆลงไป และมันประมวนผลออกเป็นมูลค่าราคา

 

ในระหว่างที่เขาทำงานด้านการเงิน แทนที่เขาจะต้องทำด้วยตนเองแต่เขาจะเขียนโค้ดในหัว จากนั้นนำแนวคิดของไปใช้กับโมเดลการซื้อขายด้วยคอมพิวเตอร์หลังเวลาทำการ โทมาสทำการตรวจเช็คการทำงานของโมเดลหลายพันครั้ง และผลลัพธ์ที่ออกมาคือมันใช้ได้ผลดีมากๆ

 

เข้าสู่การเป็นนักลงทุนอย่างเต็มตัว

ในปี 1977 หลังจากสั่งสมประสบการณ์จากการทำงานมาตลอด 10 ปี มีเงินเก็บ $200,000 โทมาสจึงตัดสินใจเป็นนักลงทุนแบบเต็มตัว

 

จากความคุ้นเคยใน Options และมีโปรแกรมคำนวณราคาเหมาะสมที่คิดค้นขึ้นเอง โทมาสจึงต่อยอดด้วยการเป็นนักเก็งกำไร จากส่วนต่างราคาเสนอซื้อและเสนอขายของ Options หุ้น หรือที่เรียกว่า Market Maker

 

ในยุคที่ตลาดหลักทรัพย์ยังไม่มีระบบคอมพิวเตอร์ โทมาสจึงใช้เงิน36,000 ดอลลาร์ เพื่อให้ได้สิทธิ์เข้าไปอยู่ในห้องค้าของ American Stock Exchange หรือ AMEX เพื่อที่จะติดตามความเคลื่อนไหวของราคาและส่งคำสั่งซื้อขายได้โดยตรง

 

ซึ่งช่วงแรกไม่ทางห้องค้าของ American Stock Exchange ไม่ยอมให้โทมาสเข้ามาเทรด  เพียงเพราะว่าเขามีความได้เปรียบที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์คำนวนราคา ดังนั้นโทมาสจึงได้จ้างสาวงาม 4 คนให้เข้าไปเทรด โดยสอนเพียงข้อมูลเบื้องต้นเพียงเท่านั้น

 

เรื่องนี้เป็นที่รู้กันในกลุ่มเพื่อน มีอยู่วันหนึ่งที่เพื่อนของโทมาสได้พาเขาไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่บังเอิญเจอกับผู้มีอิทธิพลทางกลุ่มภาพยนตร์ของอเมริกา และก็ได้นั่งรวมวงเสวนากัน ตามภาษานักธุรกิจ

 

คนแรกคือ Aaron Russo (American businessman) ซึ่งตอนนั้นแอรอนเป็นผู้จัดการของbette midler และนอกเหนือจากนี้เขาก็ยังเล่นหนังด้วย อายุตอนนั้นน่าจะราวๆ 82-83

 

Thomas Peterffy

Picture : https://en.wikipedia.org/wiki/Bette_Midler

 

เพื่อนอีกคนหนึ่งที่นั่งถัดจาด Aaron Russo เป็นชายผิวดำ ชื่อ เมลวิน ฟาน พีเบิลส์ (Melvin Van Peebles) เป็นนักแสดงผู้กำกับนักเขียนบทนักเขียนบทละครนักประพันธ์และนักแต่งเพลงชาว อเมริกัน

 

Thomas Peterffy

Picture : https://www.bbc.com/news/entertainment-arts-58662525

 

ทุกคนในกลุ่มพูดคุยกันอย่าเป็นกันเอง พร้อมกับดินเนอร์สุดหรู และแอรอนก็หันมาถามโทมัสว่า “คุณทำอะไรอยู่ตอนนี้?” และโทมาสก็ได้เล่าเรื่องที่จ้างสาวงามให้เข้าไปเทรด AMEX

 

แอรอนเมื่อได้ฟังดังนั้นก็งงว่าคนที่ไม่รู้เรื่องเทรดเลยสามารถเข้าไปใน AMEX ได้ด้วยหรอ โทมาสก็ตอบว่าได้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะว่าเขาเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดได้ง่ายขึ้น

 

แอรอนเสนอให้ เมลวิลได้ไปทำงานกับโทมัส โดยเงิน10,000 ดอลลาร์ ถ้าปัจจุบันก็ประมาน 50,000 ดอลลาร์ โดยการันตรีว่าเมลวิลต้องเข้าไปเทรดใน AMEX ได้

 

โทมัสทำการเทรนเมลลิวประมานสองอาทิตย์และก็ส่งตัวมาวิลเข้าไปเทรดในตลาดหลักทรัพย์ ปรากฏว่าเมลวิลกลายเป็นที่นิยมทุกคนชื่นชอบเขา อาจจะเป็นเพราะนิสัยหรือชื่อเสียงการแสดงที่เขาได้สร้างมา

 

หลังจากโชว์ให้แอรอนเห็นว่า ใครๆก็สามารถเทรดได้ ดังนั้นโทมาสก้ได้รับเงินจำนวน10,000 ดอลลาร์ จากแอรอนตามที่สัญญากันไว้

 

หนึ่งปีต่อมา แอรอนได้ออกภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่มีชื่อว่า Trading Places

Thomas Peterffy

Thomas Peterffy

 

จึงทำให้โทมาสตระหนักได้ว่า แอรอนสร้างเงินได้มากกว่า 10,000 ดอลลาร์ เพื่อแลกกับข้อมูลเกี่ยวกับตลาดการเงิน  ที่โทมาสได้สอนเมลวิลไป (แต่โทมัส ไม่ได้โกรธอะไรแอรอนเลย)

 

โทมาสกับโปรแกรมเทรด

  • ในปี 1979 โทมาสได้พัฒนาอัลกอริธึมเพื่อกำหนดราคาที่ดีที่สุดสำหรับ Options เขาเป็นคนแรกที่นำเอกสารราคาเหมาะสมของ Options เข้าไปใช้ในห้องค้าที่ AMEX ซึ่งเป็นข้อมูลราคาที่มาจากการคำนวณโดยโมเดลส่วนตัวของเขา
  • ในปี 1979 จากนั้นโทมาสเริ่มจ้างคนมาช่วยเทรด และตั้งเป็นบริษัทที่มีชื่อว่า P. & Co.
  • ในปี 1982 เปลี่ยนชื่อบริษัทมาเป็น Timber Hill Inc. ที่ตั้งชื่อตามถนนสู่สถานที่พักผ่อนที่โทมาสโปรดปราญ
  • ตลอดเส้นทางการลงทุน โทมาสได้เป็นผู้ผลักดันให้ตลาดหลักทรัพย์ หันมาใช้ระบบซื้อขายอัตโนมัติด้วยคอมพิวเตอร์มาโดยตลอด แต่ก็ไม่ได้ง่ายเพราะว่ามันไปขัดแข้งขัดขาผู้มีอิทธิพล
  • ปี 1983 เขาเป็นคนแรกที่นำอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มือถือเข้าไปใช้ในห้องค้า โดยเขาได้พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อให้อุปกรณ์นั้น สามารถคำนวณราคาเหมาะสมของ Options ได้ทันที รวมถึงใช้ตั้งคำสั่งซื้อขายได้แม้ว่าช่วงแรก AMEX จะไม่ยอมให้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ แต่สุดท้ายโทมาสก็ใช้ความสามารถในการทำให้ AMEX ยอมรับจนได้

 

Quotron ที่เป็นเครื่องมือติดตามความเคลื่อนไหว ของราคาซื้อขายหลักทรัพย์

Quotron  ถือว่าเป็นเทคโนลีของสมัยนั้น โทมาส คิดค้นระบบเพื่ออ่านข้อมูลจากเครื่อง Quotron โดยการวัดพัลส์ไฟฟ้าในเส้นลวดและถอดรหัส ข้อมูลจะถูกส่งผ่านอัลกอริธึมการซื้อ-ขายของโทมาส

Thomas Peterffy

  • ในปี 1983 Timber Hill Inc. ได้เพิ่มพนักงานเป็น 12 คน และเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฟิลาเดลเฟีย และในปีเดียวกันนี้ Timber Hill ได้สร้างคอมพิวเตอร์พกพาเครื่องแรกที่ใช้สำหรับการซื้อ-ขาย
  • ปี 1985 โทมาสได้นำระบบเทรดดิงด้วยคอมพิวเตอร์ของเขาไปเสนอให้ New York Stock Exchange ใช้ และก็ได้รับการอนุมัติ
  • ปี 1987 โทมาสเป็นคนแรกที่สร้างระบบส่งคำสั่งซื้อขายอัตโนมัติด้วยอัลกอริทึม ซึ่งเชื่อมต่อกับข้อมูลจากตลาด Nasdaq ซึ่งแม้ตอนแรกทาง Nasdaq จะไม่อนุญาต แต่สุดท้ายก็ยอมใช้ระบบเทรดอัตโนมัตินี้

 

Interactive Brokers

ในปี 1993 โทมาสได้ก่อตั้งโบรกเกอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่ชื่อว่า “Interactive Brokers” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มให้นักลงทุนทั่วไปซื้อขายหลักทรัพย์ทางออนไลน์ Interactive Brokers ถือได้ว่าเป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ 100% และเป็นผู้บุกเบิกโบรกเกอร์ที่คิดค่าธรรมเนียมในราคาประหยัด เรียกว่า Discount Broker เจ้าแรก ๆ ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับความนิยมสูงมาจนถึงในปัจจุบัน

Thomas Peterffy

 

ปัจจุบัน

  • โทมาส ปีเตอร์ฟี: มีอายุ 78 ปี
  • เป็นชาวฮังการีสัญชาติ อเมริกา
  • อาศัยอยู่ที่ Palm Beach, Florida
  • หย่ากับภรรยา
  • มีลูก 3 คน
  • เป็นเจ้าของที่ดินรายใหญ่ที่มีพื้นที่มากกว่า 560,000 เอเคอร์ โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในรัฐฟลอริดา

Thomas Peterffy

 

โทมาสกลายเป็นบุคคลี่มีบทบาทที่สำคัญในการพัฒนาแพลตฟอร์มการซื้อ-ขายทางเศรษฐกิจแห่งแรก สำหรับโบรกเกอร์และหลักทรัพย์ ตามข้อมูลของ Forbes เขาเป็นคนฮังการีที่ร่ำรวยที่สุด และร่ำรวยที่สุดในฟลอริดาด้วย

 

Source