เบน เทรดเดอร์ เริ่มต้น อายุ 17 ปี ทุน 17,500 บาท สู่กำไร 3,500,000 บาท หรือผลตอบแทน 20 เท่า จากการสัมภาษณ์ในช่อง B The Trader ในวีดีโอ Young Trader turns $500 into $100k
เบน เทรดเดอร์ วัย 17 ปี กำไร 20 เท่า
สร้างบัญชีจากเงิน $500 เป็น $100k ได้ยังไงกัน? เบนทำได้อย่างไรกัน? ..และเขามีเคล็ดลับอะไรบ้าง?
จุดเริ่มต้นในการเป็นเทรดเดอร์ของเบน
เรื่องมีอยู่ว่าพ่อของเบนเตรียมตัวเกษียณ และก็ได้บ่นให้เบนฟังเกี่ยวกับชีวิตการทำงาน บรา บรา และนี่ก็เป็นจุดประกายที่ทำให้เบนคิดว่า ไม่ได้อยากใช้ชีวิตเหมือนพ่อ ที่ใช้ชีวิตตามระบบสังคม ที่เรียนจบแล้ว ทำงาน สร้างครอบครัว แล้วก็เกษียณ
ในขณะนั้นเบนเรียนอยู่มัธยมปลาย อายุ 17 ปี ปัจจุบันอายุ 22 ปี ก็เริ่มอยากหา Passive Income อยากสร้างเงิน อยากรวย และก็ยังเป็นช่วงทดลองอะไรต่างๆ เพื่อค้นหาตัวเอง
- เขาชอบเล่นกีตาร์ ชอบในเสียงดนตรี
- สนใจในการเทรด
หลังจากนนั้นเขาก็หาความรู้เกี่ยวกับตลาดการเงินเพิ่มมากขึ้น เบนให้ความสนใจไปที่หุ้นเพนนี เขาเริ่มต้นทำการศึกษาด้วยตัวเองผ่านช่องทาง YouTube แล้วก็ได้เจอกับไอดอลคนแรกของเขาคือ “Timothy Sykes” ซึ่งตอนนั้น Timothy Sykes โด่งดังมาก จากการเป็นเทรดเดอร์อายุน้อยและประความสำเร็จ สามารถสร้างเงินได้ 1,650,000 ดอลลาร์ ในขณะที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย
ในช่วงนั้น Timothy Sykes ถูกเชิญให้ไปออกรายการหลายๆ ช่อง เบนจึงคิดว่าเขาก็สามารถเป็นเหมือน Timothy Sykes ได้ หลังจากนั้นเขาก็ฝึกเทรดด้วยความหลงใหล
เบนใช้เวลานานเท่าไหร่ในการค้นหารากฐานหรือกลยุทธ์ของเขา?
ประมาณ 1 – 2 ปี (ในช่วงเวลานี้ เขาทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วย เล่นกีตาร์ด้วย เรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดไปด้วย จึงไม่ค่อยได้มีเวลาสนใจการเทรดอย่างเต็มที่) เบนนำเงินที่ได้จากการทำงานพาร์ไทม์ทั้งหมดมาลงทุนเทรด เปิดบัญชีครั้งแรกด้วยเงิน $500
ในช่วง 2-3 ปีแรกของการเทรด เบนต้องเผชิญกับการเทรดที่ขาดทุนอยู่บ่อยครั้ง (พอเทรดได้กำไร ก็มักจะชล่าใจ ใส่เงินหนักเพิ่มขึ้นไปอีก จึงเป็นเหตุทำให้ขาดทุนบ่อยครั้ง)
หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์มานานพอควร เขาก็เริ่มเข้าใจการทำงานของการเคลื่อนไหวของราคา แผนภูมิกราฟ รูปแบบและเครื่องมือต่างๆ เบนเทรดด้วยเงินจำนวนไม่เยอะ เพราะนิสัยของเบนค่อนข้างที่กลัวที่จะสูญเสียเงิน แต่ถ้าเสียเงินทีล่ะเล็กทีละน้อย ก็รู้สึกว่าถึงจะขาดทุนแต่ก็ไม่ได้เสียใจอะไรมาก
ในปี 2018 เขาได้เข้าร่วมการสัมนา การสัมมนาครั้งนั้นเปลี่ยนความคิดเขาอย่างมาก จากวันนั้นเป็นต้นมา เบนได้หยุดพักการเรียน และหันมาสนใจ ศึกษาเรื่องการเทรดอย่างเต็มตัว สำหรับการเทรดแล้วเบนมีมุมมองที่ว่า ทุกคนที่เป็นเทรดเดอร์ล้วนแล้วแต่ต้องเจอกับอะไรที่เป็น “Pattern” เดียวกัน
แนวทางพัฒนา “การเทรดให้มีคุณภาพ” ของเบน
1. สร้างไลฟ์สไตล์เทรดเดอร์
รอบล้อมไปด้วย เทรดเดอร์ หัวกะทิหรือกลุ่มคนที่มีประสบการณ์มากกว่า กลุ่มคนที่มี Mindset ไปในแนวทางเดียวกัน และเรียนรู้จากพวกเขา
2. ปรับเปลี่ยน (Adatp) ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
ปรับเปลี่ยนไม่ว่าจะเป็นชุดความคิด ทัศนคติหรือวิธีการเทรด ปรับปรุงให้ตัวเองเติมโตมากขึ้น คุณภาพชีวิตดีมากขึ้น สุขภาพจิตดีมากขึ้น รวมถึงการบริหารเงินที่ดีมากขึ้น ยกตัวอย่าวิธีการปรับเปลี่ยน อย่างเช่น การที่คุณสามารถเรียนรู้จากกลยุทธ์จากเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ และก็นำมาปรับใช้ให้เข้ากับคุณให้ได้มากที่สุด และก็ต้องมีจุดยืนเป็นของตัวเอง
3. ไม่เปรียบเทียบตัวเอง กับคนที่คุณเห็นในโซเซียล
คุณต้องคิดว่า ครั้งหนึ่งคนที่ประสบความสำเร็จเหล่านั้น ต่างเคยทำผิดพลาด ขาดทุน ขาดประสบการณ์ และอื่นๆอีกมากมาย หรือการที่เขาประสบความสำเร็จในวันนี้อาจไม่ยั่งยืน เขาอาจจะกลับไปล้มอีก ก็เป็นไปได้เพราะว่าไม่มีใครรู้อนาคต สิ่งที่คุณควรทำคือการฝึกฝนตัวเอง
4. เริ่มต้นการเทรดด้วยเงินจำนวนน้อยๆ ไว้ก่อน
ค่อยๆขยายบัญชีไปตามความรู้และประสบการณ์
5. มีวินัยในการเทรด
ในตลาดการเงินนี้ มีการสับเปลี่ยนคนเข้า-ออกอยู่เรื่อยๆ และการที่คุณเป็นคนมีวินัย มันสามารถทำให้คุณอยู่ในตลาดนี้ได้นาน
6. ทำใจให้ชินกับความรู้สึกสูญเสีย
เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เทรดเดอร์ทุกคนไม่สามารถเลี่ยงได้ มีกำไรก็ต้องมีขาดทุน
จุดอ่อนที่เบนค้นพบ แล้วผ่านมันมาได้
จออ่อนเบนคือการที่เบนเทรดตามสัญญานของคนอื่น คนที่เขาคิดว่าเป็นผู้ชำนาญ เทรดเหมือนกันทุกอย่าง แต่กลับผลลัทธ์ที่ได้ต่างกัน เบนแนะนำว่า คุณสามารถฟังหรือเรียนรู้กลยุทธ์ของคนอื่นได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการยืดมั่นอยู่กับกลยุทธ์ของตัวคุณเอง คุณสามารถนำกลยุทธ์ของคนอื่นมาปรับปรุงให้เข้ากับตัวคุณได้ แต่ไม่ใช่การคัดลอกมาทั้งหมด
ถ้าย้อนเวลาได้ บอกตัวเองว่ายังไง
ถ้าสามารถย้อนเวลากลับไปได้ เบนอยากสอนอะไรให้ตัวเอง เพื่อที่จะประสบความสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น
- เลือกคนคบให้มีคุณภาพ
- ทุ่มเทให้กับการเทรดอย่างจริงจัง
- มั่นใจในตัวเองมากกว่านี้ (หากขาดทุนก็จะบอกว่าไม่เป็นไร เอาใหม่มั่นใจในตัวเองมากกว่านี้ เพราะว่ากว่าจะก้าวข้ามผ่านการรู้สึกเสียดายเงินจากการขาดทุนเป็นอะไรที่ทำได้ยากมาก)
“แม้ว่าบางครั้ง มันจะดูเหมือนยาก แต่ขอให้เชื่อในตัวเองว่าเราจะสามารถผ่านมันไปได้”
Source
Author: