Stop Loss คืออะไร พื้นฐาน การตั้ง Stop Loss

Stop Loss คืออะไร พื้นฐาน การตั้ง Stop Loss ที่เทรดเดอร์ควรรู้จัก เพราะนี่คือการรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นก็ได้ เพราะในตลาด Forex มักจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การตั้ง Stop Loss จึงเป็นสิ่งที่เราต้องมี อย่างคำที่ว่า “ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน” หรืออีกความหมายคือ สิ่งที่ไม่แน่นอน มันต้องเกิดขึ้นแน่ๆ 100%

Stop Loss คืออะไร

Stop Loss คือ การหยุดขาดทุน ถ้าตามความหมายตรงๆ ก็ไม่ได้มีเทคนิคหรือไม่ได้มีอะไรมากมาย เทรดเดอร์หลายคนย่อมเข้าใจความหมายของคำว่า Stop Loss เป็นอย่างดี

ตัวอย่าง Stop Loss Forex

สมมุติว่า Buy คู่เงิน EURUSD ที่ราคา 1.12345 เพราะคิดว่าราคาจะมีการปรับตัวสูงขึ้น แต่ปรากฎว่า ราคาไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น แล้วราคาก็มีการปรับตัวลงมา ที่ราคา 1.22000 จึงทำให้ออเดอร์ที่ถืออยู่เป็นการขาดทุน คำถามคือ ในเมื่อราคาไม่ได้มีการปรับตัวขึ้นตามที่เราคาดการณ์ไปก่อนหน้านี้ เราจะทำอย่างไรต่อไป ระหว่างถือทนเอาไว้ หรือ ขายทั้งๆ ที่มันขาดทุน หากเราขายทั้งๆที่มันขาดทุน หมายความว่า เราทำการ Stop Loss นั่นเอง

ทำไมเราต้อง Stop Loss

หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่า ทำไมเราต้อง Stop Loss ด้วย ทำไมไม่ทนถือออเดอร์เอาไว้ และรอจนกว่ามันจะกลับมาเป็นบวก

คำตอบ เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะกลับมาเป็นบวก และไม่รู้ว่าออเดอร์ที่ขาดทุนอยู่นั้น มันจะลากติดลบไปถึงขนาดไหน ถ้าออเดอร์ที่ติดลบมันลากเงินลงทุนของเราจนหมดหน้าตักล่ะ?

อาจจะทำเงินเงินลงทุนของเราหายหมด หรือ พอร์ต Forex แตก เลยก็ได้ เหมือนเวลาที่เกิดไฟป่าขนาดใหญ่สร้างความเสียหายผืนป่าเป็นร้อยพันไร่ ในจุดเริ่มต้นของไฟป่า ไม่ได้การไหม้ของป่าขนาดใหญ่ แต่มาจากจุดเล็กๆ อย่างไฟบุหรี่ หรือ สะเก็ดไฟเท่านั้นเอง และมันก็จะลุกลามไปทั่วทั้งป่า

การ Stop Loss ก็เช่นเดียวกัน ออเดอร์ที่ขาดทุนเล็กๆ ในวันนี้ อาจจะทำให้เป็นออเดอร์ที่สร้างหายนะของพอร์ตลงทุนของเราในอนาคตก็เป็นได้

สาเหตุอื่นๆ ที่เราต้องมี Stop Loss

การ Stop Loss ไม่ใช่แค่การป้องกันเงินลงทุนของเราเพียงอย่างเดียว แต่มันคือ การรักษาโอกาสด้วย

ตัวอย่าง หากเรามีเงินลงทุน 100 บาท เราไปลงทุนกับสิ่งที่ไม่ทำกำไรเลย เงิน 100 บาท ของลงทุนของเราก็จะจมอยู่อย่างนั้น และวันหนึ่งมีการลงทุนอีกแบบที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า เราก็อาจจะพลาดโอกาสในการทำกำไรไปเลย เพราะเงินลงทุน มันไปอยู่กับออเดอร์ที่ไม่ทำกำไรนั่นเอง

จะดีกว่าไหม ถ้าเราเอาเงินที่อยู่กับออเดอร์ไม่ทำกำไรออกมา แล้วยอมขาดทุนนิดหน่อย เพื่อแลกกับโอกาสในการทำกำไรบนคู่เงินอื่นๆ เราขาดทุนจากการเทรดได้ แต่อย่าขาดทุนในค่าเสียโอกาส ไม่อย่างนั้นเราก็จะกลายเป็นว่าขาดทุน 2 เด้ง

ตัวอย่าง Stop Loss ในตลาดหุ้น

Stop Loss ไม่ได้ใช้กันแค่ในตลาด Forex เท่านั้น ในตลาดหุ้น หรือ ธุรกิจอื่นๆ เราก็จะได้ยินคำว่า Stop Loss หรือ Cut Loss มาอย่างหนาหู เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับการเทรดอย่างยั่งยืน

สำหรับ Stop Loss ในตลาดหุ้น ก็จะมีความคล้ายคลึงกับตลาด Forex เพราะเทรดเดอร์จะไม่ชอบถือออเดอร์ที่ไม่มีอนาคต

ตัวอย่าง หากเรามองว่า ธุรกิจสื่อ TV หนังสือพิมพ์ กำลังโดน Disruption ด้วย Youtube, Facebook, Spotify, Tiktok, Netflix และ Line TV เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ก็จะขายหุ้นสื่อ TV หนังสือพิมพ์ที่อนาคตไม่สดใส ยอมขาดทุน แล้วนำเงินที่ขาดทุนมาซื้อหุ้น Youtube, Facebook, Spotify, Tiktok, Netflix และ Line แทน เป็นต้น

จากตัวอย่างข้างบน เห็นได้ชัดเจนถึง การยอมขาดทุน แต่ไม่ยอมเสียโอกาส นี่คือ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส อย่าจมอยู่กับวิกฤตจนทำให้เราก้าวต่อไปไม่ได้

พื้นฐาน การตั้ง Stop Loss Forex

พื้นฐาน การตั้ง Stop Loss Forex สำหรับเทรดเดอร์ในตลาด Forex โดยเฉพาะ เนื่องจากตลาด Forex มีความแตกต่างจากตลาดหุ้นพอสมควร

เนื่องจากว่าตลาด Forex เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นั้น มักจะซื้อขายอย่างรวดเร็วและซื้อขายกันวันต่อวัน การตั้ง Stop Loss จึงมีวิธีการที่แตกต่างกัน โดยผมขอแบ่งการ Stop Loss ออกเป็น 4 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่

1. Stop Loss ตามการขาดทุน (Equity Stop Loss)

Stop Loss ตามการขาดทุน (Equity Stop Loss) เป็นการ Stop Loss ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในตลาดหุ้น เช่น มีเงินลงทุน 100 บาท ลงทุนในหุ้น A 100 บาท แต่ตอนนี้เงินลงทุน 100 บาท เหลือมูลค่าที่ 90 เท่ากับว่าขาดทุน 10% ถ้าตั้ง Stop Loss ตามการขาดทุน บางคนเลือกตั้ง Stop Loss ที่ 10% ก็จะขายหุ้นตัวนี้ไปก่อน นี่คือตัวอย่าง การตั้ง Stop Loss แบบตามการขาดทุน

แต่การตั้ง Stop Loss แบบตามการขาดทุน ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนักในตลาด Forex เพราะเทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมองว่าจะขาดทุนกี่ % เทรดเดอร์ในตลาด Forex ส่วนใหญ่มองว่า ออเดอร์ที่ถืออยู่นั้นยังคงเป็นไปในทิศทางที่เขาคาดการณ์หรือไม่

2. Stop Loss ตามเวลา (Time Stop Loss)

Stop Loss ตามเวลา (Time Stop Loss) เป็นการตั้ง Stop Loss ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดวิธีหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเทรดเดอร์ในตลาด Forex หรือในตลาดหุ้น ต่างก็ให้ความสนใจการตั้ง Stop Loss ตามเวลา โดยเฉพาะกลุ่มเทรดเดอร์ประเภท Day Trade คือ เทรดเดอร์รายวัน เทรดเดอร์กลุ่มนี้มักซื้อขายให้จบภายใน 1 วัน

ตัวอย่าง ตื่นเช้ามา ทำการซื้อและขายภายในวันเดียว แล้วก่อนนอนก็จะปิดออเดอร์ทั้งหมด จะไม่ถืออเดอร์ข้ามคืน เพราะไม่ไว้วางใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้นั่นเอง

3. Stop Loss ตามสภาวะตลาด (Market Conditions Stop Loss)

Stop Loss ตามสภาวะตลาด (Market Conditions Stop Loss) เป็นการ Stop Loss ที่นิยมที่สุดวิธีหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเทรดเดอร์ในตลาด Forex หรือในตลาดหุ้น ต่างก็ให้ความสนใจการตั้ง Stop Loss ตามสภาวะตลาด เทรดเดอร์บางคนตั้งปณิธาน กับตัวเองไว้ว่า จะไม่เทรดในตลาดผันผวนสูง จะไม่เทรดเมื่อมีข่าวเข้ามา จะไม่เทรดเมื่อตลาดมีแนวโน้ม Sideway

ตัวอย่าง เราเปิดออเดอร์ Buy ในคู่เงิน EURUSD ตอนนี้ราคายังไม่ไปไหน แต่อีก 1 ชั่วโมงกำลังจะมีข่าวที่มีผลต่อค่าเงิน USD อย่างรุนแรง ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะส่งผลให้คู่เงิน EURUSD ขึ้นหรือลงก็ได้ แต่เทรดเดอร์หลายคนเลือกความสบายใจเอาไว้ก่อนและไม่เทรดในช่วงเวลาดังกล่าว

4. Stop Loss ตามข้อมูล (Information Stop Loss)

Stop Loss ตามข้อมูล (Information Stop Loss) เป็นการตั้ง Stop Loss ที่จำเป็นที่สุดในการบริหารเงินลงทุน ไม่ว่าจะเป็นเทรดเดอร์ในตลาด Forex หรือในตลาดหุ้น ต่างก็ต้องมี Stop Loss ตามข้อมูลที่เราได้รับ

ถ้าเป็นเทรดเดอร์ในตลาดหุ้น เราก็ต้องใช้ข้อมูลพื้นฐานว่า ธุรกิจที่เราได้ลงทุนไป ผลประกอบการเป็นอย่างไรในไตรมาสนี้ และเขามีวิธีการบริหาร วิสัยทัศน์อย่างไร ถ้าเรามองว่าผลประกอบการแบบนี้ การบริหารแบบนี้ และวิสัยทัศน์ของผู้บริหารแบบนี้ บริษัทต้องแย่ในไตรมาสต่อไปแน่เลย เราก็ควร Stop Loss แล้วไปลงทุนในบริษัทที่ดีกว่า

ถ้าเป็นเทรดเดอร์ใน ตลาด Forex หลายคนก็จะเป็นเทรดเดอร์ที่วิเคราะห์กราฟราคาด้วยปัจจัยทางเทคนิค หลายคนจึงเลือกเชื่อข้อมูลตามปัจจัยทางเทคนิค เช่น Indicator, กราฟแท่งเทียน, แนวรับแนวต้าน และข่าว Forex เมื่อเราได้รับข้อมูลแล้ว วิเคราะห์ออกมา ราคาไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ การขายออเดอร์ที่ขาดทุน ก็จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง