Forex กับ หุ้น เหมือนและต่างกันยังไง

Forex กับ หุ้น เหมือนและต่างกันยังไง อาจจะเป็นคำถามที่เทรดเดอร์หลายคนสงสัย โดยเฉพาะเทรดเดอร์ Forex มือใหม่ เพราะหลายคนอาจจะเคยเห็นว่า บางเว็บไซต์ก็เขียนว่า “เทรดหุ้น Forex” หรือ “ซื้อขายหุ้น Forex”

จนทำให้เทรดเดอร์มือใหม่หลายคนเข้าใจไปว่าตลาด Forex และตลาดหุ้น คือ ตลาดเดียวกัน ทั้งที่ในความจริงแล้ว 2 ตลาดนี้มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

Forex คืออะไร

Forex Market มีชื่อเต็มว่า Foreign Exchange Market คือ ตลาดซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ทุกอย่างที่มีการแลกเปลี่ยนสกุลเงินระหว่างประเทศคือ ตลาด Forex

หากสรุปแบบง่ายๆ Forex คือ ตลาดที่มีการแลกเปลี่ยนสกุลเงินระหว่างประเทศ โดยสกุลเงินนั้นจะต้องออกโดยรัฐบาล เช่น USD ดอลลาร์สหรัฐ, THB เงินบาทไทย เป็นต้น

ถ้าจะบอกว่า เราเกือบทุกคนบนโลกใบนี้ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับตลาด Forex โดยไม่รู้ตัว ก็คงไม่ผิด เพราะหลายๆ การกระทำของเรามีผลต่อ ตลาด Forex ตัวอย่างเช่น

• แลกเงินไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเป็น ตลาด Forex เนื่องจากมีการแลกเปลี่ยน ระหว่างสกุลเงินบาท (THB) และ สกุลเงินเยน (JPY)
• ทำการซื้อโทรศัพท์ iPhone ก็ถือว่าเป็น Forex เนื่องจากเงินที่เราจ่ายไป จะถูกส่งกลับไปยังตัวบริษัทแม่ที่สหรัฐอเมริกา สกุลเงินบาท (THB) เปลี่ยนเป็น สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) แม้จะไม่เกี่ยวกับตลาด Forex ตรงๆ ก็ยังถือว่าเรามีส่วนร่วมในตลาด Forex ทำให้มีการแลกเปลี่ยนสกุลเงินระหว่างประเทศเกิดขึ้น

อ้างอิง wikipedia.org

หุ้น คืออะไร

หุ้น คือตราสารที่ออกให้แก่ผู้ถือ เพื่อระดมเงินทุนไปใช้ในกิจการ ผู้ที่ซื้อตราสารจะมีฐานะเป็น “เจ้าของกิจการ” ซึ่งมีส่วนได้เสียหรือมีสิทธิในทรัพย์สินและรายได้ของกิจการ รวมทั้งยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผล ขึ้นอยู่กับผลกำไรและข้อตกลงของกิจการนั้นๆ

ตัวอย่างคำว่า หุ้น

หากคุณต้องการเปิดร้านกาแฟ ที่ต้องใช้เงินลงทุน 1,000,000 บาท แต่คุณมีเงินเพียง 500,000 บาท ยังขาดเงินอีก 500,000 บาท คุณเลยไปชวนเพื่อนมาลงทุนทำร้านกาแฟด้วยกัน ปรากกฎว่ามีเพื่อน 2 คนสนใจอยากจะมาร่วมลงทุนด้วย โดย นาย A มีเงินลงทุน 300,000 บาท และนาย B มีเงินลงทุน 200,000 บาท

เมื่อนำเงินมาลงทุนทั้งหมดแล้ว จะกลายเป็นเงิน 1,000,000 บาท คุณจึงไปจดทะเบียนร้านกาแฟในรูปแบบบริษัท แตกเป็นหุ้นจำนวน 10,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท

• คุณมีเงินลงทุน 500,000 บาท จะได้หุ้น 50% คือ 5,000 หุ้น
• นาย A มีเงินลงทุน 300,000 บาท จะได้หุ้น 30% คือ 3,000 หุ้น
• นาย B มีเงินลงทุน 200,000 บาท จะได้หุ้น 20% คือ 2,000 หุ้น

จากตัวอย่างเห็นได้ว่า ทั้ง 3 คนนี้คือ เจ้าของบริษัทร้านกาแฟ โดยมีความเป็นเจ้าของตามสัดส่วนหุ้นที่ได้ทำการลงทุน ลงทุนมากก็ได้เป็นเจ้าของมากตามสัดส่วน

คำถามคือ แล้วในตลาด Forex คุณได้มีความเป็นเจ้าของหรือไม่?

คำตอบคือ เราไม่ได้มีความเป็นเจ้าของ แต่เรามีอำนาจในฐานะผู้ซื้อขาย เราไม่สามารถไปบอกให้ตลาด Forex ทำแบบนั้นทำแบบนี้ได้ เพราะทำนาจในการดูแลสกุลเงินของแต่ละประเทศ เขาจะให้อำนาจเป็นของธนาคารกลางของแต่ละประเทศ

ตัวอย่างรายชื่อหุ้นไทย ที่หลายคนอาจรู้จัก

1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

ธุรกิจน้ำมัน รวมไปถึงปั้มน้ำมัน ปตท ที่บริษัท บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

2. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)

เจ้าของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (BKK), ท่าอากาศยานดอนเมือง (DMK), ท่าอากาศยานภูเก็ต (HKT), ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (CNX), ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (HDY) และ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย (CEI)

3. บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)

เจ้าของแฟรนไซส์ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น (7-11) ในประเทศไทย, Siam Makro และอื่นอีกมากมาย

4. บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)

เจ้าของเครือข่ายมือถือ AIS

5. บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)

เจ้าของผลิตภัณฑ์ SCG

สรุป Forex กับ หุ้น

จากในตัวอย่างเห็นได้ว่า หุ้น กับ Forex ไม่ใช่ตลาดเดียวกัน เพราะการที่เราไปซื้อหุ้นอย่าง AIS เราซื้อแค่ 0.0001% ของหุ้นทั้งหมดของ AIS เราก็ถือว่าเป็นเจ้าของ AIS ตามสัดส่วนที่เราถือหุ้น ส่วนบริษัท AIS เขาก็จะนำเงินที่เราไปซื้อ ไปลงทุนต่อ เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นจึงมักถูกเรียกว่า นักลงทุน เพราะเขาได้เอาเงินให้บริษัทไปลงทุนต่อ

แต่ Forex เป็นตลาดการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ การที่เรามีเงินเราเป็นเจ้าของเงินนั้นๆ แต่เราไม่ได้มีความเป็นเจ้าของตลาด Forex เรามีหน้าที่เก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของกราฟราคา เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ที่ซื้อขายในตลาด Forex ส่วนใหญ่จึงมักถูกเรียกว่า นักเทรด หรือ นักเก็งกำไร