7 แนวคิดพิชิต 15 ล้าน$ จากการเป็น Day Trader
7 วิธีสร้างรายได้ $15 ล้านในฐานะ Day Trader
- ไม่จำเป็นต้องเข้าเทรดทุกวัน
- เรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับตลาด
- ตั้งเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้
- ให้ความสำคัญกับจัดการจัดการความเสี่ยงและยอมรับความเสี่ยงได้
- ให้ความสำคัญในการจดบันทึกการซื้อ-ขาย
- มีกลยุทธ์ที่ดี และทำตามแผนการซื้อ-ขายที่ได้วางไว้
- จิตวิทยาในการซื้อ-ขายและการจัดการอารมณ์
1. ไม่จำเป็นต้องเทรดทุกวัน
เราไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าเทรดในทุกวัน เพียงแค่รอดูจังหวะเข้าที่มีประสิทธิภาพก็พอ ไม่ใช่ว่าการเข้าเทรดทุกวัน จะสามารถสร้างรายได้ในทุกวันได้ เพราะว่าบางวันตลาดอาจจะเป็นใจให้เราบางวันอาจจะไม่ มันล้วนแล้วขึ้นอยู่กับตลาดทั้งหมด
ตลาดจะยังคงดำเนินต่อไป นำเสนอโอกาสที่แตกต่างกันออกไป อยู่ที่ว่าเทรดเดอร์แต่ละคนมีวิธีและมีมุมมองต่อการเทรดอย่างไร สิ่งที่เราควรทำคือระบุวิธีในการซื้อ-ขายว่า
- กลยุทธ์ของเราคืออะไร ? (เราจะเปิดออเดอร์ตอนไหน? หรือว่าเราจะเปิดออเดอร์เมื่อเห็นสัญญานคอนเฟิร์ม)
- ในกรณีที่ตลาดเป็นไปไม่ตามแผนที่คาดไว้ ก็ให้นิ่งไว้ก่อน รอดูจังหวะเข้าที่มีโอกาสชนะสูง
ข้อเสีย คือ
ยกตัวอย่าง Umar นั่งอยู่หน้าคอมนานกว่า 5 ชม. รอจังหวะเข้าเทรด แต่มันยังไม่เจอ เขาจึงมีชุดความคิดที่ฝุดขึ้นมาว่า “ทนไม่ได้แล้ว!! นั่งรอดูสัญญาณเข้ามา 5-6 ชั่วโมงไม่เจออะไร เสียเวลาเปล่า จึงทำการเปิดออเดอร์ซื้อ – ขายเลยดีกว่า”
แน่นอนอยู่แล้วว่ามีโอกาสที่จะขาดทุนมากกว่าได้กำไร และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
2. เรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับตลาด
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา Umar ได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการเทรด
- ได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของตลาดในทุกๆ ปี
- ได้รู้ว่าตลาดก็มีฤดูกาลของมัน
ดังนั้น ในลักษณะที่ตลาดเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ มันอาจจะไม่เกิดขึ้นในอีกหลายเดือนข้างหน้า ตลาดมันจะมีช่วงฤดูกาลของมัน
ยกตัวอย่างคือ ว่าเข้าเทรดช่วงนี้ด้วยกลยุทธ์นี้แล้วสามารถทำกำไรได้ดี
สิ่งที่เราควรทำคือ ปรับกลยุทธ์, ปรับตัว, เปลี่ยนโฟกัส เพื่อให้สอดคล้องกับตลาด รู้ว่าช่วงนี้ควรเทรดยังไงเพื่อที่สร้างโอกาสในการทำกำไรได้สูง
ยกตัวอย่าง Umar ได้ เทรดได้กำไรอย่างดีงามทั้งเดือน ทั้งสัปดาห์ เขาก็เลยคิดว่าโมเมนตัมมันจะเป็นแบบนี้แหละ แต่แล้วตลาดก็เปลี่ยนทิศทาง
3. ตั้งเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้
ความผิดพลาดที่ผ่านมาของ Umar คือ การตั้งเป้าไว้ที่ “ตัวเงิน” ตั้งเป้าไว้สูงเกิน..ไม่สมจริง การตั้งเป้าหมายเกินจริง.. เปรียบดั่งเป็นความหวังที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน และความกดดันนำพามาซึ่งความโลภและความกลัว
การตั้งเป้าหมายที่ดี คือการตั้งเป้าหมายที่เราสามารถควบคุมได้ และจับต้องได้ ในทุกวันๆที่เราทำการเทรด เราอาจจะสร้างเป้าใหญ่ก่อน และ ย่อยมาเป็นรายเดือน รายวัน ที่เสามารถควบคุมได้
ยกตัวอย่างเช่น
- เปลี่ยนจาก ฉันต้องการทำเงิน $1-2 แสน ภายในปีแรกที่เทรด มาเป็น ภายในปีนี้ฉันต้องพัฒนาเปอร์เซ็นการชนะให้สูงขึ้น
- ภายในปีนี้ฉันต้องพัฒนา Risk & Reward
- ภายในเดือนนี้จะไม่ให้ขาดทุนมากกว่า 10%
4. การจัดการความเสี่ยงและยอมรับความเสี่ยงให้ได้
สิ่งเดียวที่สำคัญมากที่สุดในการเทรดเพื่อให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนในตลาดนี้ คือ การจัดการความเสี่ยง
ดังนั้น ทุกครั้งในการซื้อ- ขาย สิ่งเดียวที่เราสามารถควบคุมได้ก็ คือ “จำนวนเงินที่เรายินดีจะเสีย หากเราทำผิดพลาด”
คำนวณและวิเคราะห์ให้รอบคอบในแต่ละการเทรด โฟกัสไปที่เปอร์เซ็นชนะสูงกว่าขาดทุน
5. ให้ความสำคัญในการจดบันทึกการซื้อ-ขาย
เราควรติดตาม บันทึกและวิเคราะห์ทุกๆการซื้อ-ขายอย่างละเอียด เพราะว่าสิ่งนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญมากในการยกระดับทักษะการเทรดของเราให้ดียิ่งๆขึ้นไป “อย่ามองว่าเป็นการเสียเวลา เพราะว่าสิ่งที่ได้กลับคืนมานั้นคุ้มค่ายิ่งกว่าสิ่งใด”
ยกตัวอย่างข้อดีของการจดบันทึก
- การจดบันบึกทำให้รู้ว่ากลยุทธ์ใดใช้ได้ผลและไม่ได้ผล
- การจดบันทึกสามารถพัฒนาทักษะได้อย่างตรงจุด
- การจดบันทึกทำให้รู้ข้อดีและข้อเสียของตัวเอง
6. มีกลยุทธ์ที่ดี และทำตามแผนการซื้อ-ขายที่ได้วางไว้
การมีกลยุทธ์ที่ดี ได้มาจากวิเคราะห์ของการจดบันทึกการซื้อ-ขาย จนกลายมาเป็นบทสรุป เป็นคู่มือการเทรดในแบบฉบับของตัวเราเอง
ขั้นตอนในการหากลยุทธ์ที่ดี
- ทำการจดบันทึกการซื้อ-ขายแต่ละครั้งอย่างละเอียด
- สรุปผลลัพธ์ ที่มาจากการบันทึก เมื่อเรารู้ข้อดี ข้อเสียของตัวเอง, รู้ว่ากลยุทธ์ไหนใช้ได้ดีในตลาดแบบไหน, รู้ว่าตลาดมีโครงสร้างอย่างไร,
- วางแผนคู่มือการเทรด ในแบบฉบับของเราเอง
- เกณฑ์การเข้าเทรดคืออะไร
- เกณฑ์ในการออกจากตลาดคืออะไร
- ETC,……
- ทำตามแผนกลยุทธ์ที่ได้วางไว้
7. จิตวิทยาในการซื้อ-ขายและการจัดการอารมณ์
สิ่งที่สำคัญกับการเทรดมากที่สุด คือ “อารมณ์” มีคำสอนมากมายเกี่ยวกับจิตวิทยาในการเทรด ครั้งหนึ่ง Umar บอกว่าเขาเคยได้ยินเทรดเดอร์คนหนึ่งพูดว่า “เราต้องกำจัดอารมณ์ของเราออกไป ในขณะที่เทรด”
ซึ่งในตัวของ Umar เอง มองว่า เราไม่สามารถกำจัดหรือบังคับอารมณ์ของตัวเองได้ เพราะว่าเขาเคยพยายามลองเทรดเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึก แต่ผลปรากฏว่า กดดันยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีก
Umar แนะนำคือ เราต้องมีการจัดการการกับอารมณ์ เช่น เราเข้าใจอารมณ์ที่เกิดขึ้นและเรายอมรับตัวเอง สิ่งนี้มันทำให้เราเข้าใจตัวเองให้มากขึ้น และสามารถรับมือได้ในอนาคต
- จดบันทึกอารมณ์ไว้อย่างละเอียดเมื่อเราต้องเผชิญกับสภาวะเหล่านั้น
- ยกตัวอย่างเช่น เทรดขาดทุน ตอนนั้นลึกๆแล้วรู้สึกอย่างไร และตัวเราเองมีปฏิกริยาตอบสนองอย่างไร กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
- ทริกที่ Umar ใช้ในการจัดการกับอารมณ์ที่มาจากการขาดทุนก็คือ จินตนาการว่านี้เป็นส่วนหนึ่งของเกมส์ นี้คือหนึ่งการเทรด และยังมีอีก 100 การซื้อ-ขายที่รอเราอยู่ในอนาคต คิดว่ามันเป็นการเทรดระยะยาว เพียงแต่สิ่งที่ต้องทำเลยคือการบริหารความเสี่ยง
- ทำให้ทุกๆการเทรดไม่ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาของเรา
Source
Author: