Resilience skills ทักษะที่ เทรดเดอร์ จำเป็นต้องมี

เรื่องPatihanUhas

เทรดเดอร์

Resilience skills ทักษะที่ เทรดเดอร์ จำเป็นต้องมี (Resilience) ก็คือทักษะความยืดหยุ่น ทั้งด้านจิตใจ ร่างกาย และ การเงิน สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้เร็วหลังเจอปัญหา

 

ความหมายของคำว่า Resilience ตามพจนานุกรมแปลว่า “ความสามารถของปัจเจกบุคคลในการหวนคืนสู่ความสุขภาพดี ความสุข หรือความแข็งแรงอีกครั้ง หลังจากอาการเจ็บไข้ได้ป่วย ความผิดหวัง หรือปัญหาอื่นๆ”

 

Resilience skills ทักษะที่เทรดเดอร์จำเป็นต้องมี

 

จะให้เข้าใจได้ง่ายๆก็คือ “การล้มแล้วลุกเร็ว” ทุกครั้งที่เจอปัญหา สถานการณ์ สภาวะที่เต็มไปด้วยความเครียด และความยากลำบาก สามารถฟื้นตัว มองไปข้างหน้า ลุกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และแข็งเกร่งกว่าเดิม

 

ถึงแม้ว่าการมี Resilience skills หรือการล้มแล้วลุกเร็วจะดูเป็นนามธรรมไปเสียหน่อย แต่ทักษะนี้มีขั้นตอน มีกระบวนการในการคิด สามารถฝึกฝนให้ตนเองเป็นคนมี Resilience ได้

 

ทักษะนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปรับตัวเรียนรู้ ถือว่าเป็นทักษะสำคัญในการดำเนินชีวิต ที่ไม่ว่าจะgeneration ไหน..ไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มอาชีพไหน..ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่  ก็จำเป็นต้องเรียนรู้ ฝึกฝน และนำไปประยุกต์ในทุกช่วงตอนของชีวิต เพื่อให้ทุกคนสามารถตั้งรับปัญหา  และสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ที่อาจจะรุนแรง หนักหน่วงมากกว่าวิกฤตโควิดในครั้งนี้ก็ได้

 

คนที่ปรับตัวได้เร็ว สามารถเอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์ และทักษะนี้ได้ฝั่งอยู่ใน DNA ของผู้ที่ประสบความสำเร็จทุกคนที่ก่อตั้งตัวเองขึ้นมา

 

ยกตัวอย่างคนดังที่มีทักษะ Resilience

 

โอปราห์ วินฟรีย์

โอปราห์ วินฟรีย์

ภาพจาก myhero.com

 

โอปราห์ วินฟรีย์ เป็นหนึ่งในสตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดของสหรัฐอเมริกาและของโลก โอปราห์เกิดมาในครอบครัวยากจนชนชั้นแรงงาน เป็นลูกสาวที่เกิดจากแม่วัยรุ่น ผ่านเรื่องราวเลวร้ายมากมาย แต่เธอมีผลการเรียนที่ดี จึงได้รับข้อเสนอให้ทำงานออกอากาศที่สถานีวิทยุแนชวิลล์ แต่สิ่งต่างๆ ก็ไม่ง่ายเสมอไป

 

งานแรกของเธอในรายการทีวีจบลงอย่างกะทันหันหลังจากที่โปรดิวเซอร์ประนามว่าเธอ “ไม่เหมาะกับรายการทีวี”

 

เธอจึงหันมาสร้างรายการ The Oprah Winfrey Show และได้กลายมาเป็นเจ้าแม่แห่งวงการ TVอเมริกัน เจ้าแม่ทอล์กโชว์ชื่อดัง ช่วงดังสุดๆ เธอสามารถทำรายได้ถึง 300 ล้านดอลลาร์ต่อปี และเธอยังเป็นหญิงสาวชาวแอฟริกันอเมริกันคนแรกที่ได้ขึ้นแท่นเศรษฐินีหมื่นล้าน

 

“ ทำสิ่งที่คุณคิดว่าทำไม่ได้ ล้มเหลวกับมัน แล้วเริ่มต้นใหม่ ทำครั้งที่สองให้ดีขึ้น เพราะคนที่ไม่เคยล้มคือคนที่ไม่เคยปีนขึ้นเขาสูง”

 

“จริงๆแล้ว สิ่งที่คุณกลัวที่สุดมันไม่มีอำนาจเลย แต่ความรู้สึกกลัวต่างหากที่มีพลังเหนือตัวคุณเอง ฉะนั้นจงเผชิญหน้ากับความจริง แล้วคุณจะรู้สึกเป็นอิสระจากมัน”

 

เซเรนา วิลเลียมส์

เซเรนา วิลเลียมส์

ภาพจาก sports.ndtv.com

 

เซเรนา วิลเลียมส์ อดีตนักเทนนิสหญิงมือ 1 ของโลก ก็ได้กล่าวว่า “ฉันไม่ชอบการพ่ายแพ้เลยสักนิด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ถึงกระนั้นฉันไม่ได้เติบโตจากชัยชนะ แต่เป็นความพ่ายแพ้ต่างหาก หากชัยชนะคือของขวัญจากพระผู้เป็นเจ้า ความพ่ายแพ้ก็คือบทเรียนที่พระองค์สอนเรา”

 

เนลสัน แมนเดลา

เนลสัน แมนเดลา

ภาพจาก https://cdn.britannica.com

 

เนลสัน แมนเดลา ผู้นำชาวแอฟริกาใต้ หนึ่งในผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เคยกล่าวไว้ว่า “อย่าตัดสินผมจากความสำเร็จ แต่ให้ดูจากจำนวนครั้งที่ผมล้มเหลวและลุกขึ้นมาอีกครั้ง”

 

นอกเหนือจากนี้ยังมีคนอื่นๆอีกมากมาย  ที่ล้มและลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที จนทำให้เขาเหล่านั้นประสบความสำเร็จในชีวิต

 

3 ปัจจัยหลักๆของทักษะ “Resilience”

  • Face Down Reality : การยอมรับความเป็นจริง
  • Search For Meaning : ความกล้าที่จะทบทวนตัวเอง
  • Continually Improvise : การใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มี

 

คู่มือฉบับย่อในการเป็นเทรดเดอร์ที่มีความยืดหยุ่น

ทุกเรื่องราวของความสำเร็จในการเทรดล้วนแล้วเกี่ยวข้องกับความอุตสาหะมุ่งมานะและมีความยืดหยุ่นท่ามกลางความล้มเหลว

 

นี่คือคำแนะนำ 10 ประการเกี่ยวกับวิธีการเป็นเทรดเดอร์ที่มีความยืดหยุ่น

 

1. สังเกตในสิ่งที่คนทั่วไปมักจะมองข้าม

เมื่อคุณกำลังประสบกับภาวะขาดทุน หากคุณมัวแต่ท้อแท้ ผิดหวัง กลัว สงสัย ฯลฯ … นั่นเป็นเพราะคุณมองเห็นแต่ด้านที่ “แย่” ของสิ่งต่างๆ แหล่านั้น นั่นหมายความว่าคุณกำลังปิดตาตัวเองไม่ให้พบกับทางออกที่สดใส

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของลูกคุณ แสงแดดรอบตัวคุณ อาหารบนโต๊ะของคุณ ต้นไม้ที่ผลิดอกอกใบ และความมีชีวิตชีวาของคุณเอง… ในแต่ละช่วงเวลา มีสิ่งที่น่าสังเกตเช่นกันแต่คุณกลับมองไม่เห็น กินข้าวแบบไม่รู้ตัวหัวสมองคิดอยู่ตลอดเวลาเอาใจไปจดจ่อกับความรู้สึก “ขาด” อย่างเดียว จนมองไม่เป็นความงามที่อยู่รอบตัว

 

คุณควรจะอยู่กับปัจจุบัน และหาข้อพึงพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ รอบๆตัวคุณ ถึงแม้ว่ามันจะเล็กน้อยก็ตามแต่ การมองเห็นข้อดีของสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัว ก็เหมือนการเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ มันจะค่อยๆช่วยให้คุณมีสติในการแก้ไขปัญหาต่างๆ

 

2. ฝึกทักษะในการเห็นอกเห็นใจตนเอง

ความเห็นอกเห็นใจตนเองมีความสำคัญพอๆ กับความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ดร. คริสติน เนฟฟ์ ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเท็กซัส ได้กล่าวว่า

 

“ความเห็นอกเห็นใจตนเองหมายถึงการเพิ่มความเมตตาและความเข้าใจต่อตัวเองตลอดเวลาไม่ใช่แค่เมื่อคุณทำได้ดี, เมื่อคุณเป็นคนที่ดี , เมื่อคุณรู้สึกประสบความสำเร็จ… แต่แท้จริงแล้วควรต้องมีความเมตตาต่อตนเองอยู่ทุกช่วงเวลา”

 

ในการศึกษาหนึ่งของ ดร.คริสติน เนฟฟ์ โดยการให้นักเรียนจำนวน 177 คน ทำแบบทดสอบบุคลิกภาพที่หลากหลายและพบว่า ยิ่งคนไหนมีระดับความเห็นอกเห็นใจตนเองสูง ก็จะยิ่งเป็นบุคคลที่มีความสุขในชีวิตและเป็นคนมองโลกในแง่ดี

 

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเผชิญกับปัญหาอะไรอยู่  ขอให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า ทุกสถานการณ์ที่ยากลำบากคือโอกาสในการฝึกฝนทักษะ

 

3. เรียนรู้ที่จะมีความสุขอย่างไร้เหตุผล

ไม่จำเป็นที่จะต้องเทรดได้กำไร ถึงจะมีความสุขได้ อย่ามองว่าความสุขจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อทำมันได้สำเร็จ จงมีความสุขกับทุกอย่างที่คุณเผชิญ “ให้เหมือนกับการเต้นรำกลางสายฝนอย่างเพลิดเพลิน”

 

จงสร้างนิสัยให้ตัวเองเป็นคนมองโลกในแง่ดีในทุกสถานการณ์

 

4. ปล่อยใจให้สบายๆ

เมื่อคุณรู้สึกเหนื่อยใจกับการเทรด ก็ไม่ต้องไปฝืนมัน ปล่อยมันไปทำใจให้โล่งๆ พักบ้าง ออกไปตกปลา นั่งชิลล์ อ่านหนังสือ วาดรูป ทำกิจกรรมอะไรก็ได้ ที่คุณชื่นชอบโปรดปราน

 

อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ส่วนมากคิดว่าพวกเขาต้องทำการเทรดตลอดเวลา ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่

 

5. ลืมเรื่องเงิน

พูดดูเหมือนง่าย แต่อาจจะทำยากหน่อย แต่ถ้าทำได้มันจะส่งผลดีต่อสุขภาพจิตและดีต่อการเทรดของคุณเป็นอย่างมาก

 

ดังที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อคุณอยู่ในช่วงขาดทุน คุณมักจะจดจ่อกับความรู้สึก “ขาด” ของคุณ ให้ตัดสินใจว่าคุณจะเน้นที่การสร้างคุณสมบัติ เช่น มุมมอง วิสัยทัศน์ ความไว้วางใจ ความอดทน และวินัย

 

การทำเช่นนี้คุณจะลดความคาดหวังลง คุณจะเปิดรับการเรียนรู้มากขึ้น และคุณจะแลกเปลี่ยนจากสภาวะจิตใจที่ผ่อนคลาย เป็นกลาง และอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

 

เมื่อคุณไม่ปล่อยให้ตัวเงินมีอำนาจเหนือคุณ คุณก็จะมีสติมองทุกอย่างเป็นกลางได้ และแก้ปัญหาทุกอย่างได้ในที่สุด

 

6. เปลี่ยนโฟกัสใหม่

ลองจินตาการง่ายๆ ให้คุณไปขอให้ใครสักคนเดินบนเครื่องหมายพื้นผิวสีเหลืองหรือสีขาวบนถนนโดยไม่เผลอก้าวเท้าออกไป

 

ง่ายใช่มั้ย?

 

ตอนนี้ให้ลองย้ายเส้นเหล่านี้วางบนหน้าผาที่สูงชัน ด้านล่างเป็นหุบเขาและแม่น้ำไหลเชี่ยวน่าหวาดเสียว ตกไปถึงกับตายได้เลย

 

ยังง่ายอยู่ไหม ? และจะมีสักกี่คนที่กล้าเสี่ยง

 

จริงๆแล้วการเทรดก็ไม่ต่างกันกับเส้นสีเหลืองและเส้นสีขาว เส้นทั้งสองนี้ก็เปรียบดั่งทัศคติในการเทรดของคุณ อยู่ที่คุณจะมองว่ามันอยู่บนหน้าผา หรือว่าบนถนน

 

สิ่งที่คุณต้องฝึกฝนคือสร้างความรู้สึกที่ไม่กดดันตัวเองมากเกินไป เปลี่ยนโฟกัส แยกความรู้สึกกลัวการสูญเสียเงินจากการเทรดให้ได้ เพื่อที่คุณจะได้มีอิสระที่จะจดจ่อในสิ่งที่สำคัญจริงๆ

 

7. จดจ่อที่ “กระบวนการ” ไม่ใช่ “เป้าหมาย”

เมื่อคุณอยู่ในช่วงขาดทุน มันไม่ใช่จุดสิ้นสุดของถนน… มันเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ แทนที่จะคิดในแง่ลบเกี่ยวกับความสูญเสียที่คุณกำลังเผชิญอยู่ ให้คุณมองไปยังความสวยงามของอุปสรรค ที่เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของคุณ

 

“ระบบ” สำคัญกว่า “เป้าหมาย”

 

การเทรดต้องการระบบที่ดี การที่คุณขาดทุน ถือว่าเป็นการเรียนรู้การสร้างระบบให้แข็งแกร่งขึ้น สักวันหนึ่งคุณจะสำเร็จถึงเป้าหมายโดยที่ไม่ทันรู้ตัว เพราะว่าคุณมีความสุขกับทุกกระบวนการในการพัฒนาตัวเอง

 

8. มีความคิดที่ยืดหยุ่น

นี่คือสุภาษิตเซนที่พูดว่า “ไผ่ลู่ลม โอนผ่อนไปตามสถานการณ์ย่อมจะรอด”

 

สำนวนนี้สอนในเรื่องการปฏิบัติตัว ให้ทำตัวโอนอ่อนผ่อนไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เหมือน ไผ่ลู่ลม ย่อมจะไม่หักโค่นเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ต่อต้านลม

 

คนเราก็เหมือนกันในบางสถานการณ์ก็ต้องยอมให้ผ่านไปก่อน เหนือฟ้ายังมีฟ้า ในธรรมชาติย่อมจะมีบางอย่างที่มีอำนาจเหนือกว่า เราต้องทำตัวเป็น ไผ่ลู่ลม รอเวลาที่เหมาะสม ให้ตัวเองได้เฉิดฉาย

 

หากคุณสามารถเรียนรู้ที่จะยืดหยุ่นในขณะที่ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ คุณจะไม่เพียงมีความสุขและสงบสุขมากขึ้นเท่านั้น คุณจะประสบความสำเร็จมากขึ้น ไม่ใช่แค่ดีต่อในการเทรดเท่านั้นแต่มันยังใช้ได้กับชีวิตประจำวัน และธุรกิจอีกด้วย

 

9. อย่าหยุดการเรียนรู้

การเรียนรู้มันจะช่วยให้คุณฉลาด เฉียบแหลมขึ้น และสามารถเอาชนะปัญหาต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น

 

การชนะใจตัวเอง หากขาดทุน หรือสามารถรับมือกับอารมณ์ของตัวเองได้

 

การเอาชนะตลาดเพราะว่าคุณได้ทำการศึกษาแนวโน้มมาเป็นอย่างดีแล้ว

 

นอกเหนือจากนี้การเรียนรู้มันยังช่วยให้คุณตามโลกทัน และปรับตัวได้ มีความยืดหยุ่น

 

10. การฝึกสมาธิ

การฝึกสมาธิ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ดีต่อเทรดเดอร์  เพราะว่าเมื่อคุณทำสมาธิแล้ว มันจะทำให้จิตใจของคุณสงบลง ไม่คิดฟุ้งซ่าน มองโลกในแง่บวกมากยิ่งขึ้น รู้ตัวเองในทุกๆวินาที

 

ทักษะนี้เวลาคุณไปนั่งหน้าคอมตอนเทรด มันจะทำให้คุณโฟกัสมากยิ่งขึ้น

 

Source