สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับวงการการลงทุนมาก่อน อาจไม่เข้าใจว่า SL และ TP คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร โดย SL คือ Stop Loss และ TP คือ Take Profit โดยสองสิ่งนี้คือสิ่งที่จะทำให้ท่านสามารถช่วยกำหนดจุดที่ควรจะหยุดและจุดที่ควรจะขายเพื่อทำกำไร เพื่อให้การลงทุนเป็นไปตามเป้าประสงค์ตามที่ได้วางเอาไว้
SL คืออะไร
SL หรือ Stop Loss คือ การกำหนดจุดความเสี่ยงที่นักลงทุนยังสามารถรับได้ และหากราคาในตลาดไม่เป็นไปตามที่นักลงทุนคาดหวัง (ราคาตกลง) จนถึงจุด SL ระบบก็จะทำการสั่งการโดยอัตโนมัติให้มีการขาย โดยทั่วไปจะตั้งให้ขายอัตโนมัติไว้ ณ ราคาตลาดทันที
การตั้งค่า Stop Loss สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินโดยใช้การจำกัดความเสี่ยงในการเทรดเพื่อปกป้องบัญชีการเทรดของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี
TP คืออะไร
TP หรือ Take Profit คือ การกำหนดจุดกำไรที่นักลงทุนได้คาดการณ์เอาไว้ว่าหลักทรัพย์จะมีการขึ้นไปถึง และเมื่อราคาถึงจุด ๆ นั้น ระบบก็จะทำการสั่งการโดยอัตโนมัติให้มีการขายทันที
โดยนักลงทุนมือใหม่อาจจะสงสัยว่า แล้วทำไมถึงต้องมีการตั้งการขายอัตโนมัติเมื่อราคาขึ้นไปถึงจุดที่กำหนดด้วย ทำไมถึงไม่รอให้ราคาไหลขึ้นไปมากกว่านี้แล้วค่อยขายทีเดียว? คำตอบคือ ในการลงทุน การไหลขึ้นของราคาอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่มีการลดลงของราคา ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นนักลงทุนที่ใช้ TP อาจคิดว่า ราคาอาจจะขึ้นมาถึงจุด TP แล้วมีโอกาสหรือแนวโน้มที่ราคาจะดิ่งตัวลงในอนาคต ทำให้การขาย ณ จุด TP จะสามารถทำกำไรได้ โดยหากรอไป อาจจะทำให้ราคาไหลกลับลงมาเท่าเดิมหรือแย่กว่าเดิมคือไหลลดลงมากว่าเงินทุน ทำให้ขาดทุนด้วย
ทำไมการตั้ง SL และ TP จึงสำคัญ
การตั้ง SL และ TP มีความสำคัญมาก เนื่องจากตลาด Forex เป็นตลาดที่มีราคาผันผวนสูงเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เครื่องมือที่ใช้ในการกำหนดจุดที่ควรจะขายเพื่อที่จะลดความเสี่ยงที่จะขาดทุนไปมากกว่าเดิม (SL) และกำหนดจุดที่ควรจะขายเพื่อทำกำไรก่อนที่ราคาจะไหลกลับลงมา (TP) จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากหากนักลงทุนไม่มีการกำหนดจุด SL หรือ TP การลงทุนของนักลงทุนอาจจะไม่มีเสถียรภาพ เนื่องจากพอร์ตของท่านอาจจะได้กำไรหลายเท่าตัว จนท่านอาจจะคาดไม่ถึง แต่ในขณะเดียวกัน หากการลงทุนไม่เป็นไปตามหวัง พอร์ตของท่านอาจจะแตกได้ ภายในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ
ดังนั้นความเสี่ยงในการลงทุน เป็นเรื่องสำคัญที่นักลงทุนต้องมีการลดลงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ โดยที่ยังคงกำไร ตามที่นักลงทุนสามารถรับได้ นักลงทุนบางท่านอาจจะไม่ต้องการความเสี่ยงที่น้อยเกินไป เพราะผลตอบแทนก็จะได้น้อยด้วย ก็สามารถนำ SL และ TP ไปปรับใช้คำนวณตามความเสี่ยงที่ท่านสามารถรับได้
ข้อดีและข้อเสียของการตั้ง SL และ TP
ข้อดีของ SL (Stop Loss)
สามารถช่วยให้ลดความเสี่ยงในการขาดทุนไม่ให้มากไปกว่าเดิมได้
ข้อเสียของ SL (Stop Loss)
ในบางครั้งการเหวี่ยงของราคาอาจจะลงมาแค่ช่วงสั้น ๆ และอาจปรับตัวขึ้นสูงกว่าเดิมไปอีกหลายเท่า ดังนั้นข้อเสียคืออาจทำให้เสียโอกาสในการทำกำไรเพิ่มเติม
ข้อดีของ TP (Take Profit)
สามารถช่วยกำหนดจุดที่ควรจะขายเพื่อทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงที่ราคาจะไหลกลับลงมาในอนาคต ซึ่งการตั้งค่า TP จะหมายถึงการการันตีกำไร หากราคาวิ่งไปถึงจุดนั้น
ข้อเสียของ TP (Take Profit)
หากกรณีที่ราคาจริงไหลสูงขึ้นไปกว่าจุด TP ไปมาก จะทำให้เสียโอกาสในการทำกำไรที่มากกว่าเดิม
วิธีการกำหนด SL และ TP
วิธีการกำหนด SL และ TP สามารถกำหนดได้โดยการที่นักลงทุนกำหนดความเสี่ยงที่นักลงทุนสามารถยอมรับได้ เป็นเปอร์เซ็นต์ เพื่อสามารถกำหนดจุด SL และกำหนดจุดที่คิดว่าควรจะรีบขายเมื่อราคาไปถึง ก่อนที่ราคาจะลง สำหรับจุด TP เป็นหน่วยเปอร์เซ็นต์เช่นกัน ซึ่งหลักการทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ ไม่ได้เป็นวิธีการที่ยุ่งยากอะไร และยังเป็นวิธีที่มีประโยชน์อีกด้วย
สรุปบทความ
SL หรือ (Stop Loss) เป็นจุดที่ควรจะขายเพื่อที่จะลดความเสี่ยงที่จะขาดทุนไปมากกว่าเดิม และ TP หรือ (Take Profit) เป็นจุดที่ควรจะขายเพื่อทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงที่ราคาจะไหลกลับลงมา ดังนั้น 2 จุดนี้คือจุดที่ช่วยจัดการความเสี่ยงให้กับนักลงทุน โดยการปรับใช้ทั้ง 2 จุด ก็มีประโยชน์ในแง่ของการกำหนดความเสี่ยงที่รับได้ แต่ก็มีข้อเสียคืออาจมีการเสียโอกาสที่จะทำกำไรได้มากกว่าเดิม แต่หากไม่มีการใช้ 2 จุดนี้เลย ความเสี่ยงในการลงทุนก็จะเพิ่มเป็นทวีคูณเช่นกัน และถ้าหากใครสนใจที่อยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับ Forex เพิ่มเติมสามารถเข้ามาได้ที่ เรียนรู้การเทรด Forex
Author: