8 ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ คริปโตร่วง เพราะอะไร

เรื่องPatihanUhas

คริปโตร่วง

8 ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ คริปโตร่วง เพราะอะไร อัปเดตข่าวล่าสุดของ Crypto ในวันที่ 12 มิถุนายน 2022 มูลค่าตลาดของ Crypto ทั่วโลกตกลงไปที่ 1,100,000 ล้านดอลลาร์ ลดลงกว่า 8% ในหนึ่งวันที่ผ่านมา ล่าสุด 18 มิถุนายน 2022 มูลค่าตลาดของ Crypto ทั่วโลกตกลงไปที่ 849,960 ล้านดอลลาร์ เท่านั้นเอง

 

8 ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ คริปโตร่วง เพราะอะไร

 

 

ข้อมูลจาก CoinMarketCap พบว่า ลำพังแค่เดือนเมษายนที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว สินทรัพย์ดิจิทัลสูญมูลค่าตลาดไปแล้วเกือบ 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มูลค่าตลาดของสินทรัพย์คริปโตโดยรวมลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และในขณะเดียวกันที่กำลังเขียนข่าวนี้ crypto ชั้นนำเกือบทั้งหมดอยู่ในโหมดสีแดง สูญเสียมากกว่า 11.61% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ตามข้อมูลของ CoinMarketCap 

 

คริปโตร่วง

CoinMarketCap ล่าสุด 18 มิถุนายน 2022

 

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลต่างปรับตัวร่วงลงอย่างหนักตามทิศทางของตลาดหุ้นที่ดิ่งแรงเข้าสู่แดนลบ และ 7 วันที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ลดลง 33.14 เปอร์เซ็นต์

 

เพราะบรรดานักลงทุนหวั่นเกรงว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเหล่าธนาคารกลางทั่วโลกเพื่อสกัดเงินเฟ้อจะแข็งกร้าวมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ จนทำให้การฟื้นตัวเติบโตของเศรษฐกิจมีอันต้องสะดุด โดยนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วดัชนี Nasdaq ปรับตัวร่วงลงแล้วถึง 28%

 

ปัจจัยอะไร ทำให้ คริปโตร่วง ขนาดนี้

ความผันผวนของราคาในตลาด crypto เมื่อเร็วๆ นี้ได้เกิดขึ้น เกิดจากปัจจัยหลายๆอย่างรวมกัน

  1. อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  2. ความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการต่อสู้กับโควิด-19 โดยเฉพาะในประเทศจีน
  3. การดำเนินการด้านกฎระเบียบใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ในเรื่องที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารให้หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มเข้าดูแลการใช้สกุลเงินคริปโต
  4. การปราบปรามบริการ crypto ในประเทศจีน “แบงก์ชาติจีนประกาศให้ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโทฯ ทั้งหมด”
  5. นักลงทุนตื่นตระหนกแห่พากันเทขายจึงทำให้เกิด “Panic sell”
  6. ภาวะเศรษฐกิจถดถอย อันเกิดจากเหตุการณ์รัสเซียบุกยูเครน ทำให้กิดวิกฤตต่างๆตามมา อย่างเช่น Food crisis
  7. LUNA Stablecoin “UST” ดิ่งร่วงนั้นทำให้ผู้คนขาดความเชื่อมั่นใน Crypto
  8. สงครามยูเครน-รัสเซีย ที่ยืดเยื้อได้ส่งผลกระทบ กับซัพพลายเชนทั่วโลก

 

จากความคิดเห็นส่วนตัวของผมเอง ผมมองว่า หลายคนเข้ามาเก็งกำไรในราคาคริปโตมากกว่า จะมาซื้อถือคริปโตเก็บไว้ในระยะยาว จึงทำให้ในตอนที่ราคาขึ้นจะมีแรงซื้อเข้ามามหาศาล จึงทำให้ราคาปรับตัวขึ้นแรง และในตอนที่ราคาลงจะมีแรงขายเข้ามามหาศาล จึงทำให้ราคาปรับตัวลงแรงเช่นเดียวกับตอนขึ้น เพราะทุกอย่างล้วนเป็นกลไกของตลาด แรงซื้อเยอะกว่าราคาก็จะขึ้น แรงขายเยอะกว่าราคาก็จะลง

 

มาดูความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญต่อเรื่องนี้กัน!!

1. Charles Tan หัวหน้าเจ้าหน้าที่การตลาดของ Atato

 

Atato ซึ่งเป็นบริษัทรับฝากทรัพย์สิน crypto ที่ได้รับใบอนุญาตของ MPC ได้พูดคุยกับ Business Today เกี่ยวกับเหตุผลต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลังความเชื่อมั่นในตลาด

 

Atato เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์บนระบบบล็อกเชน และช่วยเหลือผู้ประกอบการฟินเทค ในการสร้างระบบที่ใช้บล็อกเชน ซึ่งในปัจจุบันผู้ประกอบการฟินเทค เหล่านี้ ได้ประยุกต์ใช้บล็อกเชน อย่าง Cryptocurrency มาช่วยพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ด้านการเงิน โดย Atato ได้ร่วมมือกับหลากหลายหน่วยงานทั้งในไทย และต่างประเทศเพื่อพัฒนาระบบที่ใช้บล็อกเชนให้ตรงตามความต้องการการใช้งานของลูกค้าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา

 

Atato จัดทำโครงการในอุตสาหกรรมด้านการเงินมาอย่างมากมายในไทย โดยจัดกลุ่มผลิตภัณท์ต่างๆ ให้กับผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถสร้างระบบที่ใช้บล็อกเชนได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเหรียญ Token การแชร์ข้อมูล หรือการพัฒนาระบบชำระเงินโดยการใช้ Blockchain ก็ตาม ทั้งหมดนี้ หัวใจหลักคือลูกค้ายังได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาของการพัฒนาซอฟต์แวร์นี้ด้วย กลุ่มลูกค้าหลักของเราส่วนใหญ่จะอยู่ในอุตสาหกรรมการเงินอยู่แล้ว และยังมีกลุ่มอื่นๆอีกอย่างเช่น กลุ่มพลังงาน กลุ่มซัพพลายเชน เราก็มีเหมือนกัน

 

Charles Tan กล่าวในใจความที่ว่า การตัดสินใจของ FED ในการปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกรวมถึงตลาด crypto หวั่นกลัว ส่งผลให้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ มีต้นทุนที่แพงมากขึ้น ดังนั้นนักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่จึงเลี่ยงหรือชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หนึ่งในนั้นหมายถึงสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหลาย มูลค่าของหลักทรัพย์ตามราคาตลาด “Market Cap” อยู่ที่ 1.23 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากวันก่อนหน้า”

 

เมื่อพูดถึงโทเค็นชั้นนำ เขากล่าวว่า “Bitcoin สกุลเงินดิจิตอลที่เก่าแก่ที่สุดในโลกกำลังดิ้นรนที่จะอยู่เหนือกรอบ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากแรงกดดันในการขาย Ether ร่วงต่ำกว่า 1,800 ดอลลาร์และลดลงเกือบ 2.5% Solana และ DOT ซื้อขายกันเป็นสีเขียว และเห็นการกระโดดขึ้นเกือบ 2 %”

 

สุดท้าย เมื่อถูกถามถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า Charles Tan กล่าวว่า “หากธนาคารกลางทั่วโลกยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เราก็อาจเห็นการเทขายที่ลึกขึ้นในตลาด crypto ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า”

 

2. ทีมวิจัยของ CoinDCX บอกกับ Business Today

บริษัท CoinDCX นั้นเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายสกุลเงินคริปโตในประเทศอินเดีย

 

CoinDCX กล่าวว่า “Crypto ร่วงลงในวันพฤหัสบดี โดย Bitcoin และ Ethereum ลดลงเนื่องจาก อัตราผลตอบแทนกระทรวงการคลังสหรัฐเพิ่มขึ้น

 

พวกเขายังคงมีทัศนคติเชิงบวก ซึ่งแตกต่างจากผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ พวกเขากล่าวว่า “อย่างไรก็ตาม การลดลงนั้นค่อนข้างไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับอดีตเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยย้อนไปในปี 2016-2019 ซึ่งป็นช่วงที่ Fed บังคับใช้นโยบายการเงินอย่างเข้มงวด ราคาของ Bitcoin ก็ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ดีนัก และแทบจะไม่มีตัวตนในสายตาของนักลงทุนส่วนใหญ่ ก่อนที่จะพุ่งแรงทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายระลอก ทุกอย่างมันจะค่อยๆ ผ่อนคลายลง อย่างค่อยเป็นค่อยไป”

 

พวกเขากล่าวเสริมว่า “ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มูลค่าของ Bitcoin ร่วงลงจนแตะระดับดังกล่าว อีกทั้งสัดส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนในการลงทุนใน Bitcoin ขณะนี้ดีมากขึ้นกว่าปีก่อนหน้า ดังนั้นจึงเป็นจังหวะที่ค่อนข้างดีที่นักลงทุนจะซื้อเก็บไว้ มีเงินทุนสถาบันจำนวนมากที่ไหลเข้าสู่พื้นที่ crypto อย่างต่อเนื่อง สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้”

 

เมื่อพูดถึงมุมมองของพวกเขาในอนาคตอันใกล้ พวกเขากล่าวว่า “ในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 เรายังคงมองโลกในแง่ดีต่อการนำ crypto และ web3 มาใช้ เนื่องจากเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อจัดการกับความท้าทายที่มีอยู่ในภาคการเงิน”

 

***Web 3.0 คือแนวคิด รูปแบบของเว็บไซต์ในอนาคต ที่คาดการณ์ไว้ว่ามันจะเป็นยุคใหม่หรือยุคอนาคตของอินเทอร์เน็ต ที่จะมีความฉลาดมากขึ้น

 

3. มุมมองของ Darshan Bathija CEO ของ Vauld

Vauld คือแพลตฟอร์มการให้กู้ยืมและการซื้อขายคริปโตนอกสิงคโปร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อสามปีที่ผ่านมา โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทการลงทุนร่วมทุนหลายแห่ง ปัจจุบันให้บริการลูกค้า 350,000 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในตลาดเอเชียและอินเดีย แพลตฟอร์มทำงานโดยการรวมทุน

 

Darshan Bathija กล่าวว่า

 

“มีการเทขายออกอย่างต่อเนื่องในช่วงสุดสัปดาห์ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความกลัวและความโลภอย่าสุดขีดของนักลงทุน” เขากล่าวเสริมมต่อว่า

 

“ตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุด (consumer price index) ที่เห็นในสหรัฐอเมริกา ส่งผลกระทบอย่างมากในตลาดคริปโต  นักลงทุนส่วนใหญ่รอจับตาดู การประชุมคณะกรรมการตลาดกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (US Federal Open Market Committee) ซึ่งกำหนดการประชุมจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 และ 15 มิถุนายน 2022”

 

4. นักวิเคราะห์จาก Ned Davis Research

สถาบันวิจัยการลงทุนระดับโลก เห็นว่าตลาดคริปโตยังขยายและไปต่อได้ โดยชี้ว่า คนรุ่นมิลเลเนียนต้องการลงทุนในคริปโต เพราะยกให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สอดคล้องกับนักวิเคราะห์บางรายที่บอกให้นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ไปก่อน

 

ถึงอย่างนั้น ก็มีเสียงแตกจากความเห็นข้างต้นไปอีกทาง โดยมองว่าสถานการณ์คริปโตร่วงถือเป็นจุดจบกันเลยทีเดียว หากอ้างอิงตามรายงานของ Bank of America Research กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวคือระเบิดที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่พฤษภาคม ปี 2021 นับได้ว่ารุนแรงเทียบเท่าวิกฤติการเงินโลกและฟองสบู่ดอทคอม

 

5. มุมมองของ OANDA

***โบรกเกอร์ฟอร์เร็กซ์สัญชาติอเมริกัน เป็นโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์สัญญาชาติอเมริกาที่ตั้งมานาน และมีชื่อเสียงในตลาดระดับโลกของการเทรด ตั้งในปี 1996 เป็นโบรกเกอร์แรกๆ ของโลกที่เป็นโบรกเกอร์ให้เทรดฟอเร็กซ์ จากนั้นมาก็ได้ขยายให้เทรดสินค้าพวก CFDs จนมาถึงปัจจุบัน Oanda ให้บริการการเทรด Forex และ CFDs และบริการอื่นๆ

 

OANDA ได้กล่าวว่า แม้ตลาดคริปโตเสี่ยงเกิดหายนะ แต่ก็ไม่ได้ดูเสี่ยงขนาดว่าจะล่มสลายเหมือนกรณี Lehman Brother ที่ล้มไปตอนเกิดวิกฤติการเงินโลกเมื่อปี 2008

 

นักลงทุนหลายคนมองว่าการที่ราคา Bitcoin ผันผวน มันเป็นส่วนหนึ่งของเกม  แต่ “ความผันผวนเป็นเรื่องยากสำหรับนักลงทุนรายย่อยที่จะรับมือ” จึงมีคำเตือนที่ว่า “อย่าขายเร็วเกินไป”

 

6. ตามรายงานจาก Glassnode บริษัทวิเคราะห์ Blockchain

Glassnode เป็นผู้ให้บริการข้อมูลบล็อกเชนที่มีเมตริกตัวชี้วัดและเครื่องมือบนเครือข่ายขั้นสูงสำหรับผู้ถือสินทรัพย์ดิจิทัล Glassnode อยู่ในระดับชั้นแนวหน้าของสกุลเงินดิจิทัล และเป็นหนึ่งในกลุ่มแรกที่ตระหนักว่าเมตริกมาตรฐานนั้นไม่เพียงพอสำหรับการวิเคราะห์ขั้นสูงในตลาดคริปโต

 

Glassnode ได้กล่าวว่า โดยส่วนมากแล้วนักลงทุนรายใหม่ที่เข้ามา หรือนักลงทุนระยะสั้น มักจะมีปฎิกริยาร่วมกับเหตุการณ์ครั้งนี้คือ “Panic sell” จึงเป็นเหตุทำให้มูลค่าของ Bitcoin ลดลงอย่างต่อเนื่อง

 

 

Source